"กันยา" ก็เหมือนผู้หญิงอีกมากมายที่เติบโตมาในครอบครัวที่ผู้ชายเป็นใหญ่ เธอมาจากครอบครัวใหญ่ที่ปู่ย่าอยู่ร่วมกับพ่อแม่และลูกๆ หลายคนรวมทั้งตัวเธอเองด้วย ถึงย่าจะเป็นผู้หญิงไทยแต่ก็อยู่ในโอวาทการควบคุมดูแลของปู่ที่เป็นชายจีนโพ้นทะเล พ่อเป็นลูกชายคนเดียวของปู่ ลอกเลียนรูปแบบการดำเนินชีวิตและทัศนคติมาจากปู่แทบทุกอย่าง จึงไม่แปลกเลยที่ครอบครัวของเธอ จะไม่ได้ภูมิใจในตัวลูกสาวนัก เพราะถือว่าแต่งงานแล้ว ก็ต้องไปเป็นสะใภ้บ้านอื่นไม่ได้มีโอกาสช่วยเหลือดูแลครอบครัว เพราะฉะนั้นเรียนมากไป ก็ไม่มีประโยชน์ ลูกสาวบ้านนี้จึงได้เรียนแค่มัธยม 3 เท่านั้น ส่วนลูกชายได้เรียนระดับมหาวิทยาลัย และเพราะเป็นคนรักเรียน ใฝ่ฝันอยากจะเรียนสูงๆ การที่ถูกตัดโอกาส และการที่เติบโตขึ้นมา ในครอบครัวที่ไม่ได้สนใจจะอบรมสั่งสอนลูกสาวด้วยความรัก ความเข้าใจ จึงทำให้ "กันยา" รู้สึกเกลียดครอบครัวตัวเองตลอดมา อย่างไรก็ตาม อาจจะเป็นเพราะไม่ได้มีความใกล้ชิดกับพ่อและปู่ ไม่ได้รับการเอาใจใส่เหลียวแลจากผู้นำในครอบครัว ทำให้เธอมักจะใฝ่ฝันที่จะได้มีแฟน มีคู่รักเป็นผู้ชายสูงวัยกว่า เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่นและมั่นคงให้กับตนเอง "กันยา" จึงเป็นผู้หญิงที่สนใจ คบหาแต่เฉพาะชายวัยสูงกว่าเท่านั้น เมื่อเริ่มเป็นสาวและสวย เธอได้รู้จักคบหากับผู้ชายซึ่งเป็นสามีคนปัจจุบัน เขามีอายุมากกว่าเธอถึง 13 ปี แต่เพราะเขาเรียนจบครุศาสตร์ เป็นอาจารย์ใส่เครื่องแบบข้าราชการ แล้วดูหรูหราน่าเกรงขาม มันเป็นอาชีพที่เธอใฝ่ฝันแต่ก็ก้าวไปไม่ถึง เมื่อรู้จักเขาจึงชื่นชมเสียนัก ขณะเดียวกันเขาก็ได้แนะนำ ให้เธอรู้จักเพื่อนชายซึ่งเรียนหนังสือด้วยกันมาแต่เขาทำงานด้านธุรกิจ หลังจากคบหากันได้ไม่นาน เธอก็ตระหนักว่าเธอหลงรักเพื่อนชายของเขา ไม่ใช่ตัวเขาซึ่งเธอพบว่า เป็นผู้ชายอ่อนแอ และไม่เป็นผู้นำอย่างที่เธอต้องการ อย่างไรก็ตามเพื่อนชายของสามีก็มีความระมัดระวังตัว ที่จะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เธอพบว่า เขาเป็นชายมีคุณธรรม เพราะเมื่อเธอพบว่าตัวเองรักผู้ชายคนนี้ เธอก็ได้ใช้ความกล้าถามเขาตรงๆ ว่า " รักกันยาไหม ? " เขาตอบว่า " รัก แต่ไม่ถึงกับขาดไม่ได้ ! " ที่สำคัญเขาบอกว่า " เขาไม่สามารถจะแย่งแฟนเพื่อน หรือทำร้ายจิตใจเพื่อนได้ ! " กันยารู้สึกเสียใจมาก ในขณะเดียวกันผู้ชายคนแรกก็บอกว่ารักเธอมาก และในช่วงนั้นเองทั้งปู่และพ่อก็ได้เรียกผู้ชายคนนี้ไปถามว่า " รักกันยาจริงไหม ถ้ารักจริงก็ให้ส่งผู้ใหญ่ มาสู่ขอ " เขาก็ทำตามคำแนะนำทันที เธอรู้สึกว่า ปู่และพ่อต้องการกำจัดเธอออกไปจากบ้าน ด้วยความน้อยใจและไม่รู้จะทำอย่างไรกับตัวเอง เธอจึงเข้าพิธีแต่งงานกับสามีคนปัจจุบันด้วยความร้าวรานใจ ในความรู้สึกของเธอที่ผ่านมา และกับพฤติกรรมของสามีตลอดหลายปีที่อยู่ด้วยกัน จนปัจจุบันมีลูกชายวัยรุ่นหนึ่งคน "กันยา" พบว่าเพื่อนชายสามีหรือผู้ชายที่ได้หัวใจรักจากเธอไป เป็นผู้ชายนุ่มนวลอ่อนโยนและเอื้ออาทร เวลาที่เธอมีปัญหา เธอจะโทรฯหาหรือไปหาปรึกษาพูดคุยด้วย เขาจะให้คำแนะนำที่ดี ให้ความเมตตาเป็นห่วงเป็นใยกับเธอเสมอ เขาไม่เคยล่วงเกินเธอ ถึงขนาดที่เธอขอให้เขาพาเข้าโรงแรมเมื่อยามที่เธอมีปัญหากับสามี เขาไม่เคยแตะต้องล่วงเกินเธอ เขารักษาคุณธรรมของตัวเองไว้เสมอ แต่จะแนะนำและปลอบโยนให้กำลังใจ ในขณะที่สามีเป็นผู้ชายที่พูดจาโผงผาง บ่อบครั้งใช้วาจาที่เชือดเฉือน โดยเฉพาะเมื่อมีปัญหาขัดแย้งกัน และเธอบอกว่าจะแยกทางเขาจะพูดว่า " เสียเงินซื้อเธอไปมาก ต้องใช้ให้คุ้ม !" นั่นคือปู่และพ่อ เรียกค่าสินสอดจากเขาไป ตอนนี้จึงดูเหมือน "กันยา" เป็นสิทธิของเขา จะทำอะไรอย่างไรก็ได้ เหมือนกับว่าเขาคือเจ้าของชีวิตเธอ ! "กันยา" ฟังแล้วไม่พอใจ และมันก็เป็นคำพูดที่เขาชอบใช้บ่อยๆ จนเธอรู้สึกเหมือนมันเป็นสิ่งที่เสียดแทงจิตใจเธออยู่ตลอดมา ทั้งๆ ที่เธอเองก็ไม่เคยปฏิเสธ ที่จะให้การปรนนิบัติเขาอย่างดีทุกอย่างตั้งแต่ตัดเล็บ สระผม บีบนวด เรื่อยไปจนกระทั่งถึงเรื่องบนเตียง เธอเป็น "แม่บ้าน" "เป็นเมีย" ที่ไม่เคยบกพร่องในทุกเรื่อง สามีแทบจะทำอะไรไม่ถูกถ้าเธอไม่อยู่บ้าน ระยะแรกๆ ความสัมพันธ์ทางเพศของทั้งสองก็ดำเนินไปด้วยดี อย่างปกติธรรมดา ในช่วงที่ลูกอายุได้สี่ห้าขวบ เธอป่วยด้วยโรคตาไปรับการรักษาจึงพบว่า ตัวเองเป็นโรคมะเร็งที่ตา แพทย์ต้องควักตาออกข้างหนึ่ง ในช่วงนั้นเองที่สามีไม่สามารถยอมรับเธอได้ เขาขอหย่า เขาบอกว่า คงจะเป็นเรื่องน่าอับอายที่จะมีเมียตาบอดข้างหนึ่ง ซึ่งทำให้เธอเครียดและโกรธมาก ถึงขนาดประกาศว่า ถ้าเขาทิ้งเธอไปจริงๆ เธอจะฆ่าทั้งเขาเธอและลูกไปพร้อมกัน เพราะเธอไม่รู้ว่า นอกจากครอบครัวที่เธอมีน ี้แล้วเธอจะหันหน้าไปพึ่งใคร หรือจะไปอยู่กับใครได้ ชีวิตภายในครอบครัวตัวเองโหดร้ายเพียงพอแล้ว สำหรับชีวิตของผู้หญิงอย่างกันยา เธอจึงไม่ต้องการที่จะอยู่โดยไม่มีลูกและผัว และในช่วงนี้เองที่หมอผ่าตัดที่ดูแลเธอ ได้รับรู้เรื่องราวจากการปรับทุกข์ของเธอ เขามีอายุแก่กว่าเธอ 20 ปี จึงกลายเป็นความเห็นอกเห็นใจกัน ในเมื่อหมอก็กลายเป็นกำลังใจ และให้ความช่วยเหลือเธอ โดยเฉพาะเมื่อเธอต้องการใส่ตาปลอม หมอก็ช่วยจัดการหา และผ่าตัดใส่ให้เป็นที่เรียบร้อย จึงดูเหมือนตาของเธอเป็นปกติดังเดิม ซึ่งเธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไร มากไปกว่าความเป็นเพื่อน ถึงกระนั้นตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เธอก็รู้ว่าหมอต้องการ จะแต่งงานอยู่กินกับเธอ อย่างจริงจัง เพราะหมอตระหนักถึงความเป็น " เมียที่ดี ที่ได้คอยดูแล และอยู่เคียงข้างสามีของเธอตลอดมา " หลายปีมานี้ ปัญหาของเธอและสามีดูจะเพิ่มพูนขึ้นมากมาย เมื่อสามีป่วยด้วยอาการของโรคเบาหวาน และหมดสมรรถภาพทางเพศไปโดยไม่มีเหตุผล เมื่อเขาไม่สามารถให้ความสุขทางเพศเธอได้โดยตรง สามีใช้วิธีเล้าโลมเธอแทบจะทุกวันเพื่อให้เธอตอบสนองเขา และช่วยเขาให้ถึงไคลแมกซ์ ซึ่งเธอก็ไม่ปฏิเสธ ด้วยความรักใคร่ผูกพันที่มีต่อกันมาตลอด 15 ปี ไม่มีอะไรที่เธอจะทำให้เขาไม่ได้ ถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาเรียกร้อง เช่น การทำออรัลเซ็กซ์ให้เขาจะเป็นสิ่งที่เธออึดอัดไม่อยากทำ เธอก็ไปปรึกษาหมอทางด้านนี้เพื่อปรับตัว ซึ่งหมอก็ได้อธิบายว่า ในความสัมพันธ์ทางเพศนั้น อวัยวะเพศก็เหมือนแขนขา หรือเนื้อตัวของคนเราส่วนหนึ่ง ซึ่งเมื่อล้างให้สะอาดและเจ้าตัวไม่มีโรคทางเพศสัมพันธ์แล้วก็สามารถใช้ลิ้นสัมผัสได้ไม่สกปรก นั่นแหละ เธอจึงทำใจได้ แต่
พฤติกรรมที่นับวันจะทำให้เธอทนยอมรับต่อไปไม่ได้ก็คือ เมื่อใกล้จะ "เสร็จ" สามีจะ "กัด" และเข้าขั้นทำร้ายร่างกายเธอจนมีบาดแผล ซึ่งทำให้เธอเริ่มหวาดกลัว และพยายามหลีกเลี่ยงความสัมพันธ์ แต่
ก็กลับเหมือนทำให้เขาต้องการเธอมากขึ้น และเมื่อไม่ได้ดังต้องการ การทะเลาถกเถียงกันอย่างรุนแรง ก็จะเกิดขึ้น บ่อยครั้งเธอต้องโทรฯไปหาเพื่อนชาย " ผู้ชายคนเดียวที่เธอรัก " ให้ออกมาพบเพื่อระบายความเครียด เขารับรู้เรื่องราวด้วยความเห็นใจปลอบใจ แต่
แน่นอนที่เขาจะไม่ยอมทำผิดคุณธรรม เขาแต่งงานมีครอบครัวแล้ว แม้ว่าจะอยู่เป็นโสดมาเกือบ 10 ปี หลังจากที่ "กันยา" แต่งงาน ก็เป็นไปได้ที่เขาอาจจะรักเธอ แต่เธอก็ยังจดจำคำพูดของเขาได้ดีว่า " เขารักเธอ แต่ไม่มาก ถึงกับขาดเธอไม่ได้ ! " กันยายังเจ็บปวดเสมอกับคำพูดของเขา และแม้เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพัง ที่เขามีโอกาสจะ "ได้" เธอ แต่เขาก็จะหักห้ามใจและไม่ยอมที่จะให้เกิดอะไรที่มากไปจากความเป็นเพื่อน และคุณธรรมของเขาอีกเช่นกันที่ผูกใจเธอมาจนทุกวันนี้ วันนี้ "กันยา" รู้สึกถึงความอดทนของเธอมาถึงที่สุด แม้ว่าที่ผ่านมา เธอเคยปรึกษาพ่อแม่ของสามี ถึงพฤติกรรมของเขา มารดาของสามีบอกว่า เธอไม่รู้จะแนะนำอะไรไม่รู้ว่าจะช่วยได้อย่างไร พ่อของเขาบอกว่าขอให้สงสารลูกเขาด้วย อย่าทิ้งขว้างไปเลย ส่วนตัวเขานั้นพูดกรอกหูเธอเสมอว่า " เธอเป็นเมีย มีหน้าที่จะต้องอดทน ไม่ว่าผัวจะเป็นอย่างไร ! " ทำให้เธอรู้สึกขัดแย้งว่า เธอควรจะต้องอยู่ในฐานะนั้นด้วยหรือ ? เธอชวนเขาไปพบจิตแพทย์ หลายครั้ง แต่สามีปฏิเสธเขาไม่คิดว่าตัวเองเป็นอะไร มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น โดยเขาเองก็ไม่อยากให้เกิด แต่เมื่อเขาแก้ไขไม่ได้ "เมีย" ก็ต้องอดทนและยอมรับ หลายปีมานี้ "กันยา" พยายามทบทวนเรื่องราวต่างๆ ถามว่า รักสามีไหม เธอก็ตอบได้ว่าเป็นความรู้สึก "ผูกพัน" ของคนที่เคยอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากว่า 15 ปี มันเป็นความห่วงหาอาทรที่ลึกซึ้ง ถามว่ารัก "หมอ" ไหม มันไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความเห็นอกเห็นใจกันระหว่างคนที่รู้สึกว่าเผชิญสถานการณ์เดียวกัน ส่วนหมอนั้นชื่นชมที่เธอดูแลรักใคร่สามีอย่างดีเสมอมา ไม่ว่าสามีจะเป็นเช่นไร เธอไม่เคยปิดบัง ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างสามีกับเธอให้ "หมอ" ฟัง และเขาก็ได้เห็นเวลาที่เธอพาสามีไปโรงพยาบาล สามีบอกเธอเช่นกันว่า เขาอบอุ่นที่มีเธออยู่ใกล้ๆ เวลาเขาไม่สบาย ส่วน " ผู้ชายคนเดียวที่เธอรัก " เธอก็ยังรักใคร่บูชาเขาอย่างลึกซึ้ง เขายังอยู่ในหัวใจเธอตลอดมา และรับรู้เรื่องราวต่างๆ ด้วยเช่นกัน หลายวันก่อน "หมอ" กับ "กันยา"พบกัน และเขาตกลงจะให้เงินเธอ ไปซื้อที่ดินที่บ้านเกิดของเธอ ได้มีการนัดหมายกันเป็นที่เรียบร้อย และในวันที่ตกลงจะไปด้วยกัน "หมอ" โทรฯมาเตือนเธอในตอนเช้า สามีและลูกกำลังจะเตรียมตัวไปขึ้นรถ "กันยา" ไม่รู้ว่า สามีแอบฟังเธอพูดทางโทรศัพท์ เมื่อวางสายหันมาพบเขาหน้าซีดตัวสั่นอยู่ตรงหน้าเขาถามเธอว่า " เป็นคู่รักกันใช่ไหม ? " เธอตอบว่า " ใช่ " เขาถามต่อว่า " ยังไม่มีเซ็กซ์ด้วยกันใช่ไหม ?" เธอตอบว่า " ยัง " เขาถามต่อว่า " แต่กำลังจะมีเซ็กซ์กันใช่ไหม ? " ทันใดที่เธอตอบว่า "ใช่" สามีก็ล้มตึงหงายหลังลง เขามีอาการช็อค ! เธอและลูกต้องพาเขาเข้าโรงพยาบาล หลังจากเขาฟื้นขึ้นมา เขาพร่ำพูดอ้อนวอนเธอให้ ให้อภัยเขา อย่าทิ้งเขาไปเขายินดีจะพบจิตแพทย์กับเธอ เขาขอโอกาสที่จะปรับปรุงตัวใหม่ เขาทำให้เธอใจอ่อน แล้วทั้งสองคนก็ไปพบจิตแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านเซ็กซ์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งนั้น หลังจากที่จิตแพทย์ได้ตรวจร่างกายของสามี และพูดคุยด้วยเป็นนาน แพทย์ได้บอกกับเธอว่า " คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงเขา เหมือนเขาได้ใส่ข้อมูลลงในคอมพิวเตอร์สมองของเขา เมื่อถึงจุดหนึ่งของความสัมพันธ์ เขาก็จะรู้สึกเหมือนว่าการได้กลืนกินเธอคือความสุขสุดยอดของเขา" เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่ "กันยา" จะไม่บาดเจ็บจากพฤติกรรมระหว่างที่เขากับเธอร่วมเพศ หลับนอนกันเรื่องจะช่วยให้อวัยวะเพศเขาแข็งตัวเป็นปกติได้นั้นคงทำไม่ได้ เขาไม่สามารถจะร่วมเพศ ได้อย่างปกติเหมือนผู้ชายทั่วไป การโลมเล้าและการช่วยเขาสำเร็จความใคร่เป็นสิ่งเดียวที่จะทำได้ แต่ทำแล้วเธอก็จะบาดเจ็บเหมือนที่ผ่านมา แล้วเธอจะทนต่อไปได้หรือ ? นั่นคือคำถามที่ "กันยา" เฝ้าถามตัวเองตลอดหลายวันนี้ เมื่อเธอเล่าเรื่องนี้ให้กับคู่รัก "หมอ" ของเธอ เขาก็บอกว่า " เธอมาถึงทางแยกที่ต้องเลือกแล้ว" ส่วน " ผู้ชายที่เธอรักที่สุด " ฟังแล้วก็ปลอบใจและก็บอกเพียงให้เธออดทน ก็แน่ล่ะ ! เธอรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดี ของสามีเธอเช่นกัน ส่วนเธอนั้นคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดี เธอจึงต้องการความเห็นของฮอทไลน์ หลังจากที่ได้คุยเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องมาหลายครั้ง สำหรับสิ่งที่ศูนย์ฮอทไลน์ได้ชี้ให้เธอตระหนักถึงสิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่ก็คือ ชายทั้งสองคน ต้องการเธอเหมือนๆ กัน เพียงแต่ต่างระดับกัน "หมอ" นั้นอายุเกือบเกษียณ ผ่านความสูญเสียภรรยา ที่ขอหย่ามาแล้ว เนื่องจากหมอเป็นโรคมะเร็ง แต่หมอก็อยู่คนเดียวมาได้ อาจจะเพราะ หมอเป็นคนมีฐานะ จึงทำให้สามารถช่วยเหลือดูแลตัวเองได้ สิ่งที่หมอคาดหวังดังที่ได้บอกกับเธอก็คือ "อยากได้เพื่อน ที่จะใช้ชีวิตร่วมกันจนเมื่อถึงวันที่เขาช่วยตัวเองไม่ได้ ในยามที่ล้มเจ็บ เขาจะได้มีใครสักคนที่มีจิตใจเมตตา ดูแลเขาได้อย่างจริงใจ" และเขาก็หวังว่า ผู้หญิงคนนั้นก็คือ "กันยา" ที่ผ่านมา "กันยา" รู้สึกกับเขาเหมือนเป็นเพื่อนที่ดี พูดจากันรู้เรื่อง เห็นอกเห็นใจ ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรที่มากไปกว่านั้น ถึงจะแต่งงานไปกับหมอ เจ้าความรู้สึกและของความเป็นเพื่อน ก็ยังเหมือนเดิม เพราะหัวใจเธอมีผู้ชายอื่นอยู่แล้ว แม้ว่า "เขา" กับเธอจะไม่มีวันที่จะได้อยู่ร่วมกัน หรือสัมผัสกันเลยก็ตาม แต่ "เขา" กับเธอก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาจนถึงวันนี้ เช่นกัน ความเป็นเพื่อนระหว่างเธอกับหมอก็สามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่จำเป็นต้องแต่งงานกัน ! ส่วนในความผูกพันระหว่างเธอกับสามีนั้น มันดำเนินมาเนิ่นนาน และเป็นความรักใคร่ ที่แตกต่างไปจากที่เธอมีให้กับชายอีกสองคน ถึงเขาจะทำให้เธอบาดเจ็บและเจ็บปวดตลอดมา แต่เมื่อเขา "ขอโอกาส" แก้ตัว ขอโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ ก็น่าที่ "กันยา" จะต้องพิจารณา โดยมีเงื่อนไขที่เขา จะต้องประพฤติปฏิบัติต่างไปจากเดิม ถึงแม้จิตแพทย์จะบอกว่า ไม่สามารถจะรักษาเขาให้หายจากที่เป็นอยู่ได้ บางทีการใช้ "จิตบำบัด" ด้วยวิธีการที่ต่างออกไป เช่นการปฏิบัติธรรมจนถึงการฝึกสมาธิ อาจนำมาใช้เพื่อช่วยให้สามีลดความรู้สึก หมกมุ่นในเรื่องนี้ลงได้ เพียงเพื่อจะไม่ทำให้เธอต้องบาดเจ็บ จากการกระทำของเขา ทั้งสองก็คงสามารถอยู่ร่วมกันได้ต่อไป แน่นอนที่ "กันยา" ไม่จำเป็นจะต้องตัดสินใจเลือกหนทางอย่างที่ฮอทไลน์เสนอ เพราะในความทุกข์ และความสุขที่ผ่านมา คนภายนอกไม่ได้ซึมซับมันอย่างลึกซึ้งเท่ากับที่เธอได้ผ่านพบมา เพราะฉะนั้น หลังจาก 15 ปี ที่ต้องอดทนมานี้ หากเธอจะก้าวออกมาจากชีวิตสามีก็คงไม่มีใครตำหนิเธอได้ แต่ถ้าหากเธอจะได้พินิจพิจารณาอย่างลึกซึ้ง เธอก็คงตระหนักได้ว่า ในชีวิตของคนเรานั้น ไม่มีอะไร และไม่มีใครที่จะได้ทุกอย่างที่ต้องการเสมอไป และชีวิตก็ไม่ได้ "ลงตัว" ทุกคนต้องรับผิดชอบ และประคับประคองให้บาดเจ็บน้อยที่สุดในความนึกคิดของเราเอง ! อรอนงค์ อินทรจิตร นรินทร์ กรินชัย (update 24 เมษายน 2001)
[ ที่มา...หนังสือผู้หญิงกับเซ็กซ์ โดย อรอนงค์ อินทรจิตร และ นรินทร์ กรินชัย] |