|
|
|
---|
|
| | สงสัยเรื่อง IQ, EQ, LQ หนูมีเรื่องอยากจะเรียนถามคุณหมอเกี่ยวกับเรื่องความสามารถทางด้านต่างๆ ซึ่งแต่ก่อนเรามักจะเคยได้ยินแต่คำว่า IQ แล้วก็เริ่มจะมีคำว่า EQ เข้ามาอีก แต่หลังๆ นี้ได้ยินคำประเภทนี้มากมายเลยนะคะคุณหมอ อย่าง MQ ที่เขาหมายความถึง Moral Quotient หรือ LQ ที่หมายถึงLeadership Quotient และดูทีท่าแล้วจะมีอะไรคิวๆ อีกเยอะแยะมากเลยใช่มั้ยคะคุณหมอ จึงอยากจะถามว่าเราจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ทักษะแบบนี้ให้ครบทุกตัวเลยหรือเปล่าคะ และอยากจะทราบจริงๆ ว่า มีครบตั้งแต่ A-Z หรือเปล่า ขอขอบคุณหมอมากเลยค่ะ ขอให้คุณหมอมีสุขภาพที่แข็งแรงต่อไปนานๆ นะคะ คุณแม่เจ้าปัญหา
|
|
| คุณถามเกี่ยวกับ IQ, EQ, MQ, LQ ต่อไปจะมีอีกกี่ Q ก็ไม่ทราบนะคะ แต่คุณควรรู้จักแต่ละเรื่องให้เข้าใจ เพื่อไว้พัฒนาลูกคุณ ไม่ทราบว่าคุณมีลูกแล้วกี่คน เพราะเด็กแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บางคนก็เหมือนสร้างมาจากเงิน บางคนก็เหมือนสร้างมาจากทอง บางคนก็เหมือนสร้างมาจากดินหรือหินหรือทราย จะขอพูดถึง Q แต่ละชนิดค่ะ | | IQ หมายถึงเชาว์ปัญญาของเด็ก ในเด็กแต่ละคนจะมีเชาวน์ปัญญาสามารถวัดได้ดังนี้ การวัดเชาวน์ปัญญามีหลายวิธี เป็นวิธีสอบถามตามที่มีแบบทดสอบตามมาตรฐานใช้ศึกษาพฤติกรรม ซึ่งเกี่ยวกับความสามารถของบุคคลเพื่อดูว่าบุคคลนั้นๆ ทำอะไรได้ดีที่สุด คะแนนที่ได้จะเรียกสั้นๆ ว่า IQ (Intelligenece Quotient)
ระดับเชาวน์ปัญญากับค่า IQ |
---|
ค่า IQ | ลำดับความสามารถทางเชาวน์ปัญญา |
---|
130 และสูงกว่า | ดีเลิศ (Very Superior) | 120-129 | ดี (Superior) | 110-119 | ค่อนข้างดี (High Average) | 90-109 | เฉลี่ย (Average) | 80-89 | ค่อนข้างด้อย (Low Average) | 70-79 | คาบเส้น (Borderline) | 60 และต่ำกว่า | ปัญญาอ่อน (Mentally Deficient) |
ดังนั้น IQ เป็นตัวเลขบ่งชี้ถึงเชาวน์ปัญญาในเวลาที่มาทดสอบและขณะทดสอบเท่านั้น ว่ามีความสามารถมากน้อยเพียงใดและนำไปเปรียบเทียบกับกลุ่มคนในลักษณะและระดับอายุรุ่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น ผู้มาทดสอบไม่ตอบคำถาม อยู่ในอารมณ์โกรธเพราะถูกบังคับให้มาทดสอบ หรือเหนื่อยเพลีย ไม่ร่วมมือในการทดสอบ ผู้ทำการทดสอบใช้เครื่องมือไม่เป็น สภาพแวดล้อมในการทดสอบมีเสียงดังรบกวน ไม่ทำให้มีสมาธิในการทดสอบได้ดี เป็นต้น EQ (Emotional Quotient หรือ Emotional Intelligenge) ซึ่งเขียนโดยแดเนียลโกลแมน ซึ่งเป็นนักจิตวิทยา ผู้มีปริญญาเอกของหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ (New York Times) ในปีพ.ศ.2538 ว่า ความฉลาดทางอารมณ์หรือการพัฒนาทางอารมณ์เป็นความสำคัญด้วย ถึงแม้ว่าจะมีเชาวน์ปัญญษที่ดีเลิศ แต่ไม่มีการพัฒนาทางอารมณ์ก็ไม่สามารถนำชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้อย่างมีความสุข ความฉลาดทางอารมณ์เป็นการพัฒนาอุปนิสัยในด้านต่างๆ คือ ด้านบุคคลคือการรู้จักตนเอง ควบคุมอารมณ์ตัวเอง ความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เป็นต้น ด้านสังคมคือ การเข้าใจเห็นใจคนอื่น คือการเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าเราอยู่ในฐานะผู้ถูกเอาเปรียบ ในฐานะผู้ถูกใส่ร้ายจะแก้ไขอย่างไร จะลดความเครียดอย่างไร รวมแล้วให้ฝึกเด็กให้มี EQ คือมีการฝึกการอยู่ในเหตุการณ์ต่างๆ การแก้ปัญหาตามอายุเด็ก ฝึกให้เด็กรู้จักตั้งสติแล้วใช้สตินั้นแก้ไขปัญหาต่อไป เขาก็สามารถดูแลตัวเองด้วยสติคือ รู้จักตัวเอง เห็นใจคนอื่น รู้จักสังคมช่วยเหลือผู้อื่นตามสมควร หัดไม่ให้ถูกคนอื่นหลอกลวง หรือรับของคนอื่นง่ายๆ เช่น ท๊อฟฟี่ หมากฝรั่ง อาจนำมาซึ่งสิ่งเสพย์ติด ต้องฝึกสถานการณ์ให้เด็กรู้จักสังเกตว่าไม่ใช่แต่งตัวดี หล่อสวยจะเป็นคนดีทั้งหมดหรือทำอย่างไรเมื่อถูกลวนลามทางเพศ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องยากมากๆ สังคมขณะนี้จึงต้องฝึกให้เด็ก "แกร่ง" และเก่งด้วย จึงจะเอาตัวรอดมีความสุขและเป็นคนดีในสังคมต่อไป ก่อนอื่นขอให้ผู้ใหญ่ทั้งหลายที่หลงผิด ชอบประพฤติผิดทั้งหลายตั้งสติว่าต่อไปนี้ จะทำแต่สิ่งที่ดีกว่าเมื่อวานนี้จะช่วยให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าพ้นวิกฤตได้ค่ะ หวังว่าเมื่อคุณฝึกลูกคุณให้มี EQ แล้ว คือจะรวมทุก Q ไว้แล้วก็คงมีความสุขในโลกนี้ ด้วยความเจริญก้าวหน้าในชีวิตค่ะ สามารถแก้ปัญหาและลดความเครียดลงได้จนเป็นปกติค่ะ พ.ต.อ.ญ.นพมาศ ชูวรเวช |
|
|
| (update 5 กรกฎาคม 2002) [ ที่มา... นิตยสารแม่และเด็ก ปีที่ 24 ฉบับที่ 350 เมษายน 2544 ] |
|
|