|
วัย 13 ก่อรูปความคิด |
|
|
|
|
วันที่ 19 เม.ย. 2553 โดย ปรารถนา อยู่ดี |
|
|
|
|
|
|
|
|
จากที่กล่าวมาแล้วในสามตอนก่อนว่า วัยสิบสามเขากำลังพัฒนาความต้องการเป็นอิสระจากสิ่งต่างๆ จากพ่อแม่ จากครอบครัว จากคุณครู การที่ต้องการเป็นอิสระดังกล่าวก็เพื่อจะเรียนรู้และทำความเข้าใจตัวเอง แม้ในทางร่างกายและสังคมจะดูถดถอย ไม่เอาใคร แต่ในทางความคิด วัยนี้จะเอาจริงเอาจัง กระตือรือร้นที่จะคิดในเรื่องต่างๆ มาก อย่างไม่น่าเชื่อ พัฒนาการทางสติปัญญา - เรียนรู้ลึกซึ้งขึ้น
- เขม้นมองตัวเอง
- ก่อรูปความคิด
- คุณธรรม
- วัยสิบสามจะมุ่งความสนใจและการรับรู้ไปยังเรื่องที่ลึกซึ้งขึ้น เป็นนามธรรมมากขึ้น และครุ่นคิดใคร่ครวญด้วยตัวเองไม่ว่าพ่อกับแม่จะเห็นด้วยหรือไม่ สมองของเขามีความรับรู้ และความพยายามทำความเข้าใจตามแบบของเขาอยู่ การที่เขาไม่เห็นด้วยกับพ่อแม่ ก็ใช่ว่าเพราะอยากต่อต้านท่าเดียว หรือปฏิเสธความเป็นพ่อแม่ แต่เพราะเขาก็มีเหตุผลตามมุมมองของเขา
- ฉะนั้น การที่ลูกฝึกคิดได้ด้วยตัวเองเช่นนี้ ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ควรแก่การยินดี เขากล้าคิด
มีความคิดของตัวเอง
นี่เป็นสิ่งที่มีค่ามาก ส่วนเรื่องที่ว่า "คิดถูก ไม่ถูก ควร ไม่ควร" นั้นเป็นสิ่งที่สามารถจะพัฒนาไปได้ในภายหลัง ยังไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด
- วัยสิบสามเป็นวัยเริ่มต้นของการมองตัวเองได้ชัดเจนขึ้น แรกสุดเริ่มที่การมองตัวเองจากภายนอก รูปร่างหน้าตา เขาจะถูกดูดเข้าหากระจกอย่างกับถูกแม่เหล็กดูด เขาอยากมองให้เห็นลึกลงไปว่าตัวเองมันเป็นอย่างไรแน่ และถ้าลองหวีผมแบบนี้มันจะเป็นอย่างไร สวมอย่างนี้แล้วเป็นอย่างไร ถ้าสวมแบบอื่นจะเป็นอย่างไร
- อย่าไปมองเพียงด้านเดียวว่าเขาอยากหล่ออยากสวยเท่านั้น ที่จริงความอยากหล่ออยากสวย ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายแต่อย่างใด เป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน และเป็นเรื่องดีที่เขารู้จักดูแลตัวเอง แต่ที่สำคัญกว่าก็คือ เขากำลังทำความรู้จักรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองอย่างลึกซึ้งนั่นเอง
- ส่วนการมองเข้าไปยังตัวตนภายใน เป็นการสำรวจอย่างเจาะลึก มองเห็นความเป็นตัวของตัวเอง : เห็นความเห็นแก่ตัว เห็นความขี้เกียจ เห็นอารมณ์พายุ หรือเห็นความไม่เข้าใจที่ตัวเองมีต่อคนอื่น ฯลฯ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เมื่อเห็นตัวเองแล้ว เขาจะกลายเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมถูกใจพ่อแม่ขึ้นมาเอง
ไม่ใช่
หากเขาจะวิเคราะห์ตัวเอง ในข้อที่น่าแก้ไข
- แต่เสร็จแล้ว เขาก็จะมุ่งความสนใจไปหาด้านที่เป็นจุดแข็ง เป็นความภาคภูมิใจ เช่น ความสามารถทางกีฬา ความรู้จักคิด รูปลักษณ์
มากกว่าที่จะไปแก้ไขด้านที่เป็นจุดอ่อน
- (ที่จริง
ผู้ใหญ่เราก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน คือ อยากทำเรื่องที่รู้ว่าเราทำได้ดี มากกว่าอยากไปแก้เรื่องที่เราทำเสีย)
- วัยสิบสามที่เป็นปกติ จะสนใจ สติปัญญา ของตนมากขึ้น รู้ว่าสมองทำให้ตัวเองติดได้ และรู้จักคิด พวกเขาเริ่มอยากฝึกการทำงานของสมอง หรือที่เรียกว่าลับสมองของตน ดังนั้นก็จะสนใจเรียนรู้เรื่องต่างๆ ที่กว้างขวางออกไป สนใจที่จะหาเหตุผล ใช้ความคิดวิจารณญาณ บางคนอาจจะเริ่มที่จะคิดก่อนพูด มีวิธีคิดที่ เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่อยากทำร้ายจิตใจคนอื่น บางคนเริ่มที่จะถึงคนอื่นก่อนที่จะคิดถึงตัวเอง คิดถึงคนที่ลำบากกว่าตัวเอง
- แม้ว่าจะดูเป็นวัยไม่ค่อยมีความสุขนัก แต่วัยสิบสามมีแนวโน้มที่จะยึดมั่นจริยธรรมอย่างน่าทึ่ง
- เด็กวัยนี้ทั่วไปที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีตามสมควร จะรู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก แม้ว่าบางครั้งการทำเรื่องไม่เข้าท่าอาจทำให้สนุก มันสะใจ แต่พวกเขามีแนวโน้มพยายามทำสิ่งที่ถูก วัยนี้รู้ว่า ถ้าทำผิด จิตสำนึกของตัวเองจะคอยรบกวนอยู่ตลอดเวลา ส่วนใหญ่รับฟังเหตุผล เอาจริงกับเรื่องความยุติธรรมมาก ตั้งมาตรฐานกับตัวเองและกับเพื่อนไว้สูงทีเดียว เช่น ต้องซื่อสัตย์ต่อกัน ยอมเสียประโยชน์เพื่อเพื่อน มิตรภาพสูงสุดเหนือสิ่งใด เป็นต้น
- จะเห็นว่า แม้เป็นวัยที่ถูกมองว่าถดถอย แต่แท้ที่จริงวัยสิบสามของเรานั้นเขาลึกซึ้งขึ้นมากเหลือเกิน ปัญหาก็คือพ่อแม่และผู้ใหญ่ทั้งหลายจะมองทะลุเปลือกนอกที่ดูถดถอยเข้าไปเห็นการเติบโต ต่อยอดของหน่อความเป็นตัวของตัวเองของเขาได้ดีเพียงไร
- หรือจะตัดหน่ออ่อนนั้นให้กุดไปเสีย เพียงเพราะเขาทำตัวไม่ถูกใจ ไม่ตรงตามที่เราคาดหวัง ??
- ถ้าพ่อแม่สังเกต อาจจะเห็นว่าเขาเริ่มสนใจเรื่องอาชีพการงานในอนาคตอยู่บ้างเหมือนกัน เริ่มสนใจอาชีพการงานของคนที่อยู่ใกล้ตัว หรือคนที่เขาสนใจ
- แต่น่าเสียดายสำหรับเด็กที่มีพื้นฐานขาดความมั่นคงในใจ เมื่อมาบวกกับธรรมชาติของพัฒนาการ ที่เป็นดังได้กล่าวมาทั้งหมดของวัยนี้ ยิ่งทำให้พวกเขาวุ่นวายใจหนักขึ้นกว่าปกติ พวกเขาจะอ่อนไหว เต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ ทั้งรู้สึกไม่พอใจกับความเป็นตัวของตัวเอง แล้วก็อยากจะหนีจากตัวเอง
- พวกเขาต้องการความเข้าใจและความช่วยเหลือ ที่จะช่วยประคองให้เขาผ่านช่วงวัยนี้ไปได้อย่างเข้มแข็ง
การดูแลชีวิตประจำวัน แน่นอนพวกเขาชอบอยู่ในห้องหรือที่ทางส่วนตัวของตัวเอง ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งสักเท่าไร ใครอย่าเข้ามาวุ่นวาย
ห้องหับรกเลอะเทอะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็เริ่มรู้จักตกแต่ง หรือเอารูปภาพขวัญใจคนโปรดมาติดฝาห้อง การกิน กินได้มากขึ้นกว่าตอนสิบเอ็ดสิบสอง เพราะร่างกายกำลังโต ต้องการอาหารมาก แต่โดยวัยจะไม่ค่อยใส่ใจเสาะแสวงหาอาหารการกิน ถึงเวลาก็ถึงจะกิน ถ้าอะไรไม่ชอบก็ไม่กินจริงจัง พ่อแม่ไม่ต้องไปคะยั้นคะยอ การนอน วัยนี้ต้องการนอนราว 9 ชั่วโมง เวลาเข้านอนอาจจะนอนเล่นเงียบๆ คิดโน่นคิดนี่ประสาวัยชอบคิด ชอบนอนเล่น เลื้อยอยู่ตามเตียง ทำแทบทุกอย่างบนที่นอน อ่านหนังสือ ทำการบ้าน กินขนม ฟังเพลง ฯลฯ การอาบน้ำอาจจะยังมีให้เตือนอยู่บ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะได้มาทะเลาะไล่ต้อนกันอย่างปี-สองปีก่อน วัยนี้ใส่ใจเรื่องผมเหลือร้าย เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเรื่องสระผม วัยนี้ทั้งผู้หญิงผู้ชายใช้เวลาอยู่หน้ากระจก กับหวีนานอย่างไม่น่าเชื่อ วัยสิบสามเป็นปีสุดท้ายแล้วที่จะให้แม่เป็นคนตัดสินใจซื้อของให้ เขาอยากจะเลือกสิ่งของของเขาด้วยตัวเอง และจะเลือกเสื้อผ้าสวมในแต่ละวันเอง เขาจะไม่ยอมตามความเห็นของพ่อหรือแม่เป็นเด็ดขาด ถ้าพ่อแม่ยุ่งก็มักเป็นเรื่องขึ้นมา ฉะนั้น ทำใจยอมรับเสียเถอะค่ะ
อย่ายุ่งกับเขาเลย ทั้งหญิงทั้งชายวัยสิบสาม เริ่มประณีตบรรจงกับรูปร่างหน้าตาของตัวเอง กับเครื่องแต่งกาย เสื้อผ้าไม่อยากยับ เสื้อขาวขาวพอไหม ถ้าเลอะสักหน่อยก็เป็นเรื่อง
เด็กผู้ชายอาจมีรกเลอะอยู่บ้าง แต่ก็นับว่าพิถีพิถันมากขึ้น พวกเขาได้ อิทธิพลของกลุ่มเพื่อนในการกำหนดรสนิยม และสไตล์แต่งตัวตามกันเป็นกลุ่มๆ วัยนี้เริ่มรู้แล้วว่าตัวเองชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แต่เรื่องการดูแลเสื้อผ้ายังไม่ไปด้วยกัน กับความสนใจในการแต่งตัว สวมใส่แล้วก็หมก เขวี้ยงไปทางโน้นทางนี้ พับเสื้อไม่เป็นทำให้ยับยู่ยี่ แต่เรื่องการซักเสื้อผ้าดีขึ้น รู้จักแยกผ้าสกปรก และดูแลชุดชั้นในตัวเอง กิจกรรมต่างๆ - งานบ้าน
- กิจกรรมอื่นๆ ในบ้าน
- วัยสิบสามยอมรับการช่วยงานบ้านขึ้นบ้าง ไม่ต่อต้านเท่าไร ไม่ถึงกับเอางานเอาการกระตือรือร้น "เดี๋ยวทำค่ะ
" ผลัดผ่อนแต่ก็ยินดีทำ ถ้าพ่อแม่ยอมรับเวลาของเขาได้ก็ไม่ต้องปากเปียกปากแฉะ อย่าทนรอไม่ได้แล้วบ่นหรือลงมือทำเสียเอง ปล่อยให้เขาทำเถอะค่ะ ถึงจะนานเป็นชาติก็ตามที เพราะเขาทำแน่ รับปากแล้วเขารับผิดชอบ
- เด็กผู้ชายชอบงานที่ทำด้วยมือ ประเภทซ่อมเครื่องไฟฟ้า ซ่อมสิ่งต่างๆ ในบ้าน
ชอบนัก หาโอกาสให้เขาทำบ้าง งานที่ใช้เครื่องมือเช่น ตัดหญ้า ส่วนเด็กผู้หญิงอาจจะช่วยทำความสะอาด ทำอาหาร
- วัยสิบสามชอบดูโทรทัศน์ เด็กผู้หญิงดูละคร ตลก เกมโชว์ หรือภาพยนต์ ส่วนเด็กผู้ชายนิยมกีฬา ตลก ภาพยนตร์แอ็กชั่น ซึ่งถ้าพ่อแม่ไม่เห็นด้วยกับรายการที่เขาเลือก
ก็จะเหมือนเรื่องอื่นๆ คือ "เป็นเรื่อง" !!
- พวกเขาบอกว่าเขาโตแล้ว รายการที่พ่อแม่ไม่อยากให้ดูนั้น ไม่ส่งผลอะไรกับเขาหรอก มีประโยชน์มากกว่าโทษ ??
เพราะวัยนี้คือช่วงแรกสุดของชีวิตวัยรุ่น สามารถเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่า เป็นวัยรุ่น เพราะฉะนั้นจะคาดหวังให้การใช้ชีวิตกับวัยสิบสามดำเนินไปง่ายๆ ได้อย่างไร
(update 2 ตุลาคม 2002) [ ที่มา.. life & family ปีที่ 5 ฉบับที่ 57 ธันวาคม 2543 ] |
|
|
|
|
|
|
|
|
[ ที่มา...http://www.elib-online.com/doctors45/teen_teen006.html ]
|
|
|
URL
Link :
http://www.elib-online.com/doctors45/teen_teen006.html |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|