บทความเกี่ยวกับ คุมกำเนิด
คนเป็นคนที่ - 3549 [Date : 14 เม.ย. 2553 ]   
 
รู้ได้ไงว่า...ตั้งครรภ์
 
วันที่ 14 เม.ย. 2553   โดย นายแพทย์รุ่งโรจน์ ตรีนิติ
 
 
: รู้ได้ไงว่า...ตั้งครรภ์
 

รู้ได้ไงว่าตั้งครรภ์


รู้ได้ไงว่า…ตั้งครรภ์ บางครั้งฟังดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาๆ ไม่น่าจะต้องถาม ก็รอบเดือนขาด แพ้ท้องอะไรประมาณนี้ บางคนก็ว่าอย่างนี้ แต่จริงๆ แล้ว เรื่องการตั้งครรภ์ บางทีก็ไม่ธรรมดาอย่างที่คิด ส่วนไม่ธรรมดายังไงก็ลองฟังดูครับ

อาการที่แสดงว่าตั้งครรภ์แน่นอน
1. ตรวจพบการเต้นของหัวใจทารก หัวใจของทารกสามารถเริ่มฟังได้ยินด้วยหูฟัง (ที่หมอคล้องคอ) เมื่อตั้งครรภ์ได้ 17 สัปดาห์ และเมื่อ 19 สัปดาห์ จะได้ยินทุกราย
2. การคลำด้วยมือ โดยหมอจะคลำหน้าท้อง จะรู้สึกได้ว่าเด็กดิ้นหรือพลิกตัว ตรวจได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 20 สัปดาห์
3. ตรวจพบภาพทารกโดยภาพรังสี ( x – ray ) ตรวจได้หลัง 16 สัปดาห์ แต่เดี๋ยวนี้เลิกใช้แล้ว เพราะมีผลต่อทารกในครรภ์
4. ตรวจพบภาพทารกโดย Ultrasound ตรวจได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 5-6 สัปดาห์ จะเห็นถุงน้ำในโพรงมดลูก และจะเห็นตัวทารกเมื่อตั้งครรภ์ 6-7 สัปดาห์
การตรวจอัลตราซาวนด์ทางหน้าท้องจะพบได้ช้ากว่าตรวจทางช่องคลอด 1-2 สัปดาห์
อาการที่แสดงว่าน่าจะตั้งครรภ์
1. ท้องโตขึ้น

หลังตั้งครรภ์เกิน 3 เดือน ระดับมดลูกจะโผล่พ้นกระดูกหัวหน่าวให้คลำได้ แต่ก็เจอบ่อยๆ ที่คนไข้ไม่ได้ตั้งครรภ์ แต่มาบอกว่าคลำได้ก้อนที่หน้าท้อง ตรวจแล้วพบว่า บางรายก็เป็นเรื่องมีปัสสาวะ ในกระเพาะปัสสาวะ บางรายก็เป็นก้อนอุจจาระจากท้องผูก บางรายก็เป็นจากการลงพุงแบบผู้ชาย

2. ตรวจฮอร์โมนให้ผลบวก

ฮอร์โมนที่ตรวจคือ hCG หรือ Human Chorionic Gonadotrophin อาจตรวจได้จากการเลือด หรือตรวจปัสสาวะ ถ้าตรวจเลือดสามารถตรวจได้ตั้งแต่ 7-9 วันหลังไข่ตก (ตรวจได้ตั้งแต่ก่อนรอบเดือนขาด) แต่ถ้าตรวจปัสสาวะตรวจได้ตั้งแต่ 4-6 สัปดาห์หลังวันแรกที่รอบเดือนมาเป็นปกติครั้งสุดท้าย ( Last Menstrual Period LPM )
ทำไมจึงบอกว่า การตรวจฮอร์โมนได้ผลบวกยังไม่ถือว่าเป็นการตั้งครรภ์ที่แน่นอน……ก็เพราะว่า อาจมีภาวะบางอย่างที่ทำให้มีผลบวกได้ เช่น มะเร็งปอดบางชนิด, โรค SLE ก็ทำให้มีผลบวกได้ แต่กรณีนี้พบน้อย น้อยจนคุณไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจก็ได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่หมอที่จะตีความเอง

3. ประจำเดือนขาด

คนที่เคยมีเพศสัมพันธ์และรอบเดือนมาอย่างสม่ำเสมอแล้วอยู่ๆ เกิดรอบเดือนขาดต้องสงสัยไว้ก่อนว่าตั้งครรภ์จนกว่าจะพิสูจน์ว่าไม่ใช่
สาเหตุรอบเดือนไม่มาแต่ไม่ได้ตั้งครรภ์มีมากมาย แต่ที่พบบ่อยที่สุดคือ ภาวะไม่มีการตกไข่ ซึ่งอาจจะเกิดจากความแปรปรวนทางอารมณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ เกิดวิตกกังวล
มีสิ่งหนึ่งที่อยากเตือนเกี่ยวกับรอบเดือนที่มาน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เคยมีรอบเดือนมาสม่ำเสมอ มาครั้งละหลายวัน แล้วอยู่ๆ เดือนนี้รอบเดือนเกิดมาน้อยกว่าที่เคยมา ทั้งจำนวนวันและปริมาณ แถมมาเร็วด้วย อย่างนี้ไม่ใช่รอบเดือนแต่เป็นเลือดที่ออกจากโพรงมดลูกขณะที่มีการฝังตัวของตัวอ่อน หมอเรียก Implantation bleeding ชาวบ้านเรียก เลือดล้างหน้าเด็ก ที่ต้องบอกเรื่องนี้ก็เพราะกรณีที่คุณอยากมีบุตรพร้อมจะมีบุตร ก็ให้ระมัดระวังในการกินยาถ้าคุณไม่สบาย หรือถ้าคุณไม่พร้อมจะมีบุตร ก็อย่าได้นิ่งนอนใจ

4. เต้านม

เต้านมจะคัดขึ้น หัวนมจะดำขึ้น ลานหัวนมจะขยาย ต่อมไขมันตรงนั้นจะโตขึ้น

5. อาการคลื่นไส้อาเจียน

ก็ที่เรียกว่า แพ้ท้องนั่นแหละ (Morning sickness) ถ้าคุณดูหนังไทยหรือดูละครบ่อยๆ อยู่ๆ ตัวเอกหรือคนไหนเกิดโอ๊กอ๊ากขึ้นมาล่ะก้อ คนดูรู้เลยว่า นังนั่นตั้งท้องแล้ว นั่นเป็นเรื่องของหนังของละคร แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั่นเสมอไป คนท้องไม่จำเป็นต้องแพ้ท้องเสมอไป บางรายก็แพ้ บางรายก็ไม่แพ้ แม้ในคนเดียวกันท้องก่อนแพ้ ท้องนี้ไม่แพ้ก็ได้ เอาแน่ไม่ได้หรอก ส่วนอาการแพ้ท้อง จะเริ่มต้นอายุครรภ์ 6 สัปดาห์ไปจนถึงสามเดือน จึงค่อยๆซาไป แต่ก็อีกนั่นแหละ บางคนแพ้จนใกล้คลอดก็เคยมี

6. ปัสสาวะบ่อย

คนท้อง 3 เดือนแรก อาจมีปัสสาวะบ่อยได้ เกิดจากขนาดของมดลูกโตขึ้นไปเบียดกระเพาะปัสสาวะทำให้เนื้อที่ในกระเพาะปัสสาวะน้อยลง ก็เลยปัสสาวะบ่อย
ท้องปลอม

มีผู้หญิงหลายคนที่อยากมีลูกมากๆ แต่ก็ไม่มีสักที พออายุมากขึ้นจนใกล้หมดเวลา ก็ยังไม่มี ก็เลยเกิดอาการคล้ายคนตั้งครรภ์ขึ้นมา เช่น ท้องโตขึ้น (ความจริงจากไขมันสะสม หรือแก๊สในลำไส้มาก หรือมีน้ำในท้อง) แถมรอบเดือนขาดอีกต่างหาก เต้านมก็ขยายใหญ่ขึ้น บางรายถึงขนาดมีน้ำนมไหล หัวนมคลำขึ้น แล้วยังมีอาการแพ้ท้องอีก บางรายก็บอกว่ารู้สึกมีเด็กดิ้นอีกต่างหาก หมอเรียก การตั้งครรภ์เทียม (pseudoyesis, spurious pregnany, หรือ Imaginary pregany)
มียาบางอย่างที่ใช้ไปแล้วอาจทำให้รอบเดือนไม่มาได้ เต้านมขยายใหญ่ขึ้น, มีน้ำนมไหล หรือแม้แต่ทำให้การทดสอบการตั้งครรภ์ให้ผลบวกปลอมได้

หมายเหตุ

แม้ว่าการตั้งครรภ์อาจทำให้หลายๆคนมีตกขาวผิดปกติ ก็ไม่อาจใช้อาการตกขาวเป็นข้อสังเกตว่าตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์ได้ อย่ามัวเอาเรื่องตกขาวมาปนกับเรื่องตั้งครรภ์ ถ้าสงสัยว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ ตรวจปัสสาวะดีกว่าครับ

โดยสรุป

ในทางปฏิบัติ ถ้ารอบเดือนขาด มีอาการอย่างที่ว่า แล้วทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะด้วยตนเอง แล้วให้ผลบวก ควรไปพบแพทย์เพื่อยืนยันผลอีกครั้งครับ

น.พ.รุ่งโรจน์ ตรีนิติ

 
 

URL Link : http://www.clinicrak.com/lady/lady_preg22.html

 

     
   


[Home] [โรคเด็ก] [เสพสมให้สมอารมณ์หมาย] [คู่มือเลี้ยงลูก] [คลินิกเด็ก] [ผู้สูงวัย] [ครอบครัว] [คุมกำเนิด] [วัยรุ่น] [เบี่ยงเบน] [กฏหมาย] [สุขภาพจิต] [ผู้หญิง ผู้หญิง] [กามโรค]