บทความเกี่ยวกับ ผู้หญิง ผู้หญิง
คนเป็นคนที่ - 2775 [Date : 14 เม.ย. 2553 ]   
 
อย่าบอกเสียดีกว่า !
 
วันที่ 14 เม.ย. 2553   โดย อรอนงค์ อินทรจิตร และ นรินทร์ กรินชัย
 
 
อย่าบอกดีกว่า
 

อย่าบอกเสียดีกว่า !


" ควรหรือไม่ จะบอกสามีว่าเธอมีความสัมพันธ์กับชายอื่น ?" ผู้หญิงมากมายไม่แน่ใจว่า เธอควรจะบอกคู่รักหรือสามีหรือไม่ว่า เธอเคยมีความสัมพันธ์กับชายอื่นมาก่อน หรือถ้าเธอพลาดพลั้ง ไปมีความสัมพันธ์กับชายคนใหม่โดยไม่เจตนา หรือกรณีถูกข่มขืนบังคับจากนายจ้าง เพื่อนร่วมงาน หรือใครก็ตาม ควรหรือไม่เธอจะบอกสามีหรือคู่รัก ?

อรอนงค์ อินทรจิตร
นรินทร์ กรินชัย

สาเหตุที่เธออยากจะบอกก็คือ ด้วยความรู้สึกว่าเธอมีความจริงใจต่อเขา ไม่อยากมีความลับกับสามี หรือเพื่อจะได้รับความเห็นใจ กำลังใจ ไม่อยากเก็บความลับไว้คนเดียว หรือเพราะผู้หญิงเป็นเพศ ที่เก็บความลับไม่เป็น ?

ก็แล้วเมื่อได้บอกแล้วล่ะ มีผลลัพธ์อะไรตามมา ?

มันเป็นเรื่องน่าสนใจที่จะได้รับรู้ว่า ในขณะที่ประเทศชาติของเราพัฒนาไปไกล ทั้งด้านเทคโนโลยี และรูปแบบการดำเนินชีวิตไม่ต่างไปจากการดำเนินชีวิตในประเทศตะวันตกนัก แต่คนไทยส่วนใหญ่ โดยเฉพาะชายไทย ยังมีพฤติกรรมสำส่อนเหมือนเดิมหรืออาจจะมากกว่า ส่วนทัศนคติหรือความคาดหวัง ของผู้ชายไทยในผู้หญิงที่ตนต้องการจะแต่งงานด้วยนั้น ก็ยังคงรูปแบบเดิมคือคาดว่า "ผู้หญิงจะต้องรักเดียวใจเดียว" หรือ "เป็นสาวพรหมจรรย์" หรือ "ผู้หญิงที่ดีควรมีสามีคนเดียว" ฯลฯ

เพราะฉะนั้น ถ้าได้รู้ว่าคู่รักหรือภรรยาเคยผ่านชายอื่นมาก่อนหรือไปมีความสัมพันธ์กับเพื่อนชาย จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม "เขายอมรับไม่ได้ !" แต่ก่อนหน้านั้นถ้าถามว่า รับได้ไหม ทุกคนจะบอกว่ารับได้ และก็มีผู้หญิงมากมายเหลือเกินที่ขอคำปรึกษาแนะนำในเรื่องนี้มาว่า เธอควรจะทำอย่างไรกับปัญหานี้

"รัก" เป็นหญิงสาววัย 34 ปี สามีเป็นหมอ ทั้งสองต่างเป็นคนสมัยใหม่ ผ่านการศึกษาต่างประเทศ มีตำแหน่งหน้าที่ทางการงานและสังคมที่ทัดเทียมกัน ถึงกระนั้นเมื่อแต่งงานได้สามสี่ปี ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนำไปสู่การแยกทางระยะหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างอยู่บ้านตนเอง ในช่วงนั้น "รัก" คิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอคงจะสิ้นสุดลงแค่นั้น เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน

ในช่วงนั้นเองที่ "รัก" ได้มีความสัมพันธ์กับเพื่อนชายที่ทำงานเดียวกัน ซึ่งเป็นเพียงความสัมพันธ์ ที่มีรากฐานบนความพอใจโดยไม่มีข้อผูกมัดกันและกัน ส่วนสามีเธอเขาจะมีใครหรือไม่เธอเองไม่ได้สนใจ ! แต่แล้วผู้ใหญ่ก็ได้พาให้ทั้งสองคนมาพบปะพูดจาไกล่เกลี่ย ซึ่งในความรู้สึกเธอคิดว่าทั้งเขาและเธอยังรักกันอยู่ เพราะฉะนั้นทั้งสองจึงหันกลับมาตั้งต้นชีวิตคู่กันใหม่ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็บอกเธอว่า จะไม่มีความลับระหว่างกัน ถ้ามีอะไรก็พูดกันได้ เขาพร้อมจะรับฟัง ซึ่งเป็นไปได้ที่เขาเองไม่ได้คาดคิดว่า ความลับของเธอจะเป็นเรื่องที่ผู้ชายอย่างเขารับไม่ได้ !

"รัก" คิดอยู่นาน ตั้งใจจะไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่แล้วด้วยความรักที่พร้อมจะมอบให้หมดด้วยความซื่อสัตย์ ความจริงใจและไม่อยากจะมีความลับกับสามีต่อไป เธอจึงได้เล่าให้เขาฟังว่า ระหว่างที่แยกกันอยู่ เธอมีชายอื่นเพียงชั่วคราว ! เท่านั้นเอง สามีของรักมีอาการโกรธกราดเกรี้ยว ด่าทอเธอด้วยวาจาหยาบคาย อย่างที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนเช่นกัน

เขาแสดงอาการคลุ้มคลั่ง อภัยไม่ได้กับความผิดพลาดครั้งนี้ของเธอ เขาหาว่าเธอหยามเกียรติเขา สำส่อนและอีกมากมาย ครั้งแรกเธอคิดว่า เขาคงจะเป็นเช่นนั้นชั่วระยะหนึ่ง เพราะตกใจเสียใจ แต่มันกลับกลายเป็นทุกๆ วัน ทุกๆ ครั้งที่มีเรื่องขัดแย้งกันเล็กๆ น้อยๆ สามีเธอก็จะขุดคุ้ยเอาเรื่องนี้ ขึ้นมาดุด่าซ้ำเติมตอกย้ำอยู่เรื่องเดิมไม่สิ้นสุดและเพราะยอมรับว่าตัวเองทำผิด "รัก" จึงอยู่ในสภาพต้องอดทน รับฟังความก้าวร้าวรุนแรงทางวาจาของเขา ถึงกระนั้นเธอก็ได้เดินมาถึงจุดที่ความอดทนเกือบจะหมดลงแล้ว เธอไม่เข้าใจว่าทำไมการที่คนเรารักกัน หากคนหนึ่งผิดพลาดไป มันจะไม่มีคำว่าอภัยให้กันบ้างเชียวหรือ ? โดยเฉพาะเมื่อผู้ผิดคือ "ผู้หญิง" หรือมันเป็นเพราะมีเรื่อง "เพศ" เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

ก็แล้วทำไมการที่ผู้ชายไปเกี่ยวข้องกับหญิงอื่นมากมาย หรือรับเลี้ยงหญิงอื่นเป็นภรรยาน้อย ทำไมผู้หญิงแทบทุกคนจึงให้อภัยได้ไม่ถือสา แต่ทำไมเมื่อผู้หญิงผิดพลาด บทลงโทษดูจะรุนแรง โดยเฉพาะจากคนที่เธอรักและบอกว่ารักเธอ "รัก" ไม่เข้าใจ ?

เช่นเดียวกับ "อ้อ" เธอปรึกษามาตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน เมื่อเธอไปเรียนปริญญาโทต่อ และได้พลาดพลั้งไปมีความสัมพันธ์กับเพื่อนชายที่เรียนด้วยกันเพียงครั้งเดียว โดยที่ทั้งเขาและเธอ ต่างก็มีครอบครัวกันอยู่แล้ว สิ่งที่เธอโกรธและน้อยใจก็คือ สามีเธอล่วงรู้มาก่อนว่าผู้ชายคนนั้น เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องตามรับตามส่งเธอ แต่เขาไม่เคยห้ามปราม จนเมื่อเธอพลาดพลั้งไป เขาก็เริ่มจะด่าทอเธอรุนแรงและหยาบคายจนถึงลงมือทุบตีเธอ เธอขอโทษเขาทุกอย่าง แต่เขาไม่ฟัง เมื่อเธอขอหย่าเขาก็ไม่ยอม และพร่ำพูดแต่ว่าจะต้องฆ่าเธอและลูกๆ ให้ตายไปพร้อมกัน เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของครอบครัว !

ที่ผ่านมาทั้งสองเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยความยากลำบาก ทำโรงงานเล็กๆ ซึ่งยังมีหนี้สินอยู่มาก ส่วนเธอมีกิจการของตัวเองอยู่ที่บ้านเช่นกัน เรียกว่าต่างทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำมาตลอด 17-18 ปี ถึงทุกวันนี้ทุกอย่างดูจะดีขึ้น แต่ทั้งสองก็ยังมีภาระมากมาย ลูกหญิงชายวัยรุ่นสามคนกำลังเรียน แน่นอนที่ตลอดหลายปีนี้ สามีเธอได้ สะสมความเครียดไว้มากมาย จากความพยายามที่จะสร้างฐานะครอบครัว ให้เป็นปึกแผ่น สามีของเธอมีความภาคภูมิใจในตัวเองมาก ที่สามารถเริ่มต้นจากศูนย์มาได้จนถึงทุกวันนี้ ตัวเธอเองก็เหนื่อยล้าเช่นกัน การได้ออกจากบ้านไปเรียนต่อทำให้มีโอกาสพบปะคุ้นเคยกับเพื่อนใหม่ๆ ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นแจ่มใสขึ้น และก็อ่อนไหวไปกับเพื่อนชายคนนั้น

แต่ความเผลอใจปล่อยกายในครั้งนี้ มีบทลงโทษที่มากมายกว่าที่เธอคาดคิด สามีเธอแสดงกิริยามึนตึง ไม่พูดด้วย ไม่มองหน้า สร้างความอึดอัดให้อ้อมาก เธอพยายามอดทนตามคำแนะนำเพราะยอมรับว่า เป็นความผิดของเธอด้วย พร้อมกันก็ได้พยายามพูดชักจูงให้สามีไปพบจิตแพทย์กับเธอ ซึ่งเขาปฏิเสธทุกกรณี เมื่อผู้เขียนได้มีโอกาสคุยด้วยชี้ให้เขาเห็นว่าเพราะความเหนื่อยตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพราะความโกรธ ความเครียดที่อาจทำให้เขามีอาการทางประสาทไป แต่เขาไม่เชื่อไม่สนใจจะฟัง พร่ำบอกแต่ว่า เขาจะต้องหาทางจัดการรักษาเกียรติยศชื่อเสียงของเขาไว้ให้ได้

"อ้อ" ไม่รู้ว่าเขาจะลุกขึ้นมาฆ่าเธอฆ่าลูกเมื่อไร เพราะนับวันอาการทางประสาทของเขา ก็แสดงอาการออกมามากขึ้นเรื่อยๆ เขาปฏิเสธที่จะหย่าหรือปล่อยเธอไป เธอเองก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนตามลำพัง และตลอดสองปีนี้ "อ้อ" พยายามฆ่าตัวตายสองครั้ง แต่มีผู้นำเธอส่งโรงพยาบาลล้างท้องได้ทุกครั้ง เธอบอกว่า ระหว่างสองปีที่ผ่านมาเขายินยอมจะไปพบจิตแพทย์หมอให้ยามาแต่เขาไม่เคยกิน แต่คนกินยากลับเป็นเธอ "อ้อ" เอายาที่หมอให้เขามากินเองเพื่อให้นอนหลับเพื่อให้คลายเครียด

โดยทั่วไป สามีเธอยังสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่เมื่อกลับมาบ้านเขาจะมีอาการคลุ้มคลั่งอาละวาด ด่าทอเธอให้ต้องนั่งฟังเขาตลอดเวลาไม่ให้ไปไหน เธอรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้าอยากให้ชีวิตตัวเองสิ้นสุดลงเสียไวๆ เธอไม่เข้าใจ ทำไมเขาต้องทรมานเธอด้วย เมื่อเธอทำผิดเพียงครั้งเดียว ขอโทษเขา เขาไม่ยอม เธอขอแยกทางไป เขาไม่ยอม เธอเองไม่มีที่จะไป ไหนจะห่วงลูก เกรงว่าถ้าเธอไม่อยู่ เขาอาจจะบ้าพอจะฆ่าลูกเธอทั้งสองคน เหมือนอย่างที่พูดไว้ "อ้อ" ไม่รู้จะทำอะไรต่อไป ?

ความจริงทั้งสามีของ "อ้อ" และของ "รัก" ต่างแตกต่างกันทางด้านพื้นฐานครอบครัวและการศึกษา และดูเหมือนสามีของรัก จะมีอาการเครียดมากกว่าปกติ แต่ทั้งสองต่างแสดงพฤติกรรมที่เหมือนกัน คือปฏิเสธที่จะให้อภัยคนที่เป็นเมีย เป็นแม่ของลูกและเป็นคนที่ตนเคยบอกว่า "รัก" ทั้งสองคำนึงถึงแต่เกียรติยศ และศักดิ์ศรีของความเป็นชายของตนที่จะไม่ยอมให้ใครมาหยามเกียรตินี้ได้ แต่ก็ไม่ต้องการจะปล่อยฝ่ายหญิงไป เมื่อไม่ต้องการหรือให้อภัยไม่ได้ ผู้ชายเหล่านี้กลับ "ดึง" ผู้หญิงที่เป็นภรรยาของตนไว้ เพื่อใช้เป็นเหยื่ออารมณ์ตัวเอง !

และนี่เป็นเพียงตัวอย่างสองกรณีในจำนวนคู่กรณีที่มีปัญหาแบบเดียวกันนับไม่ถ้วน จนเกือบจะต้องบอกผู้หญิงทุกคนว่า

ถ้าเธอมีความลับกับสามีในเรื่องเซ็กซ์ เธอไม่จำเป็นหรอกที่จะต้องบอกให้เขาทราบ ความคาดหวังที่ว่าผู้ชายจะยอมรับได้ ดูจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย !

(update 19 เมษายน 2001)


[ ที่มา...หนังสือผู้หญิงกับเซ็กซ์ โดย อรอนงค์ อินทรจิตร และ นรินทร์ กรินชัย]
 
 

URL Link : http://www.elib-online.com/doctors3/family_talk02.html

 

     
   


[Home] [โรคเด็ก] [เสพสมให้สมอารมณ์หมาย] [คู่มือเลี้ยงลูก] [คลินิกเด็ก] [ผู้สูงวัย] [ครอบครัว] [คุมกำเนิด] [วัยรุ่น] [เบี่ยงเบน] [กฏหมาย] [สุขภาพจิต] [ผู้หญิง ผู้หญิง] [กามโรค]