เพศสัมพันธ์...จุดเริ่มต้นของความผูกพันแต่จะดีกว่าหากจุดเริ่มต้นนั้น...มีความปลอดภัย
ฝ่ายชาย : ที่รักอีกไม่นานเราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ ตอนนี้เรือนหอของเราใกล้เสร็จแล้ว แค่คิดถึงวันนั้นก็มีความสุขมากที่สุดในโลก รอคอยเวลาที่จะอยู่กับคุณแทบไม่ได้ คืนนี้คุณสวยเหลือเกินเป็นของผมได้ไหมคนดี
ฝ่ายหญิง : ทำไมไม่อยากเป็นของคุณ ใจน่ะเป็นของคุณตั้งนานแล้ว ร่างกายก็พร้อมที่จะเป็นของคุณอยากมีความสุขกับคุณ แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวค่ะ เห็นคุณหมอทั้งหลายเขาออกมาพูดกันว่า ควรจะตรวจก่อนแต่งเพราะบางครั้งอาจจะมีโรคบางอย่างที่อาจจะติดต่อกันได้จากการมีเพศสัมพันธ์นะคะ
ฝ่ายชาย : โอเคครับ ผมก็อยากให้คุณสบายใจว่าผมไม่เคยมีโรคร้ายอะไร ผิดกับเรื่องเล่าที่ผมเคยได้ยินมาว่า ผู้ชายคนหนึ่งเคยมีเพศสัมพันธ์ทางเพศประเภทรักชั่วข้ามคืนกับสาวที่พบกันในผับแห่งหนึ่ง แล้วปล่อยอารมณ์ให้เลยเถิดไปเนื่องจากไม่สามารถยับยั้งอารมณ์ไว้ได้ และปรากฏว่าหลังจากนั้นหลายเดือน เขาก็ได้มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงานกับคู่หมั้นของตนเอง โดยที่ไมได้สวมถุงยางอนามัย โดยที่ทั้งสองใช้วิธีคุมกำเนิดด้วยการหลั่งภายนอกทุกครั้ง ซึ่งก็ได้ผลดีที่สามารถป้องกันการท้องได้...แต่
ฝ่ายหญิง : แต่...แต่อะไรค่ะ เกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและเธอ
ฝ่ายชาย : เรื่องเกิดขึ้นมาจากการที่คู่หมั้นจูงมือเขาเข้าไปให้คุณหมอตรวจเลือดก่อนแต่งงาน เพื่อความสบายใจของทั้ง 2 ฝ่าย แต่อนิจจาฟ้าดินช่างไม่เห็นใจในความรักของเขาและเธอ ผลการตรวจเลือดปรากฏว่าทั้ง 2 คนมีผลบวกต่อเชื้อเอชไอวี... ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเอดส์...
ฝ่ายหญิง : น่าสงสารจริงๆ เลยนะคะ ความจริงคำว่าตรวจก่อนแต่งนั้น คนทั่วไปอาจจะไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงที่คุณหมอให้ไว้ก็ได้น่าจะเปลี่ยนเป็นตรวจก่อนมีเพศสัมพันธ์น่าจะดีกว่า คนจะได้ระมัดระวังมากขึ้น
ถ้าคุณทนไม่ไหวจริงๆ อยากมีอะไรกัน แล้วเราก็น่าจะไปซื้อถุงยางอนามัยนะคะ เดี๋ยวนี้เขาว่าใครรู้จักใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นคนที่ทันสมัยมาก ในขณะที่ผู้ชายที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์นั้น น่าจะเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบนะคะ
ฝ่ายชาย : ครับ...ผมเห็นด้วย แต่ถึงแม้ปัจจุบันถุงยางอนามัยจะหาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อก็ตามผู้ชายที่จะซื้อทั้งหลายก็ไม่สะดวกใจ เพราะคนขายที่เป็นผู้หญิงมักจะชอบมองด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนกับกำลังทำอะไรผิดๆ แทนที่จะมองด้วยความชื่นชมว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษที่มีความรับผิดชอบเหมือนที่คุณพูด
ฝ่ายหญิง : ค่ะ...เป็นค่านิยมผิดๆ ในสังคมของเราที่ชอบมองว่าถุงยางอนามัยเป็นอุปกรณ์ในการป้องกันการติดโรคของผู้ชายชอบสนุกทั้งหลาย แทนที่จะมองว่าเป็นวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ ที่มีไว้คุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย
ฝ่ายชาย : ผมว่าเราคงจะต้องให้ความรู้ด้านความรู้เพศศึกษาแก่ประชาชนคนทั่วไปอีกนานกว่าจะเข้าใจว่าแท้จริงแล้วเพศศึกษานั้นสอนให้คนเรามีความปลอดภัยในทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับเพศ รวมถึงการมีความสัมพันธ์ทางเพศที่ปลอดภัยด้วย
ฝ่ายหญิง : ใช้แล้วค่ะ...เคยดูรายการเพศศึกษาเห็นคุณหมอบอกด้วยว่า นอกจากจะใช้เพื่อการคุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้วถุงยางอนามัยยังทำให้เกิดสัมผัสรักที่ปลอดภัยด้วยถ้าผู้ชายสูบบุหรี่แล้วสารก่อมะเร็งที่มีอยู่ในบุหรี่นับพันชนิดจะหลั่งออกมาในน้ำอสุจิของผู้ชายไปตกค้างที่ปากมดลูกของผู้หญิง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้หญิงเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงมากขึ้น ถ้ามีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่สูบบุหรี่ แล้วเขาไม่ได้สวมถุงยางอนามัย
ฝ่ายชาย : ใช่แล้วครับ ผมก็เคยทราบมาแบบนั้นแต่โชคดีนะครับที่ผมไม่ได้สูบบุหรี่ เพราะเดี๋ยวนี้ใครๆ ก็รู้ว่า นอกจากบุหรี่ทำให้เกิดการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแล้ว บุหรี่ยังไม่ทำให้ตัวอสุจิเกิดการพิกลพิการขึ้นด้วย ทำให้โอกาสที่ภรรยาจะตั้งครรภ์ยาก หรือไม่ถ้าเกิดตั้งครรภ์ขึ้นทารกก็อาจพิการหรือแท้งง่าย
และผมเคยได้ยินมาว่า บางครั้งผู้ชายที่ไม่ได้ขริบหนังหุ้มปลายและทำความสะอาดอวัยวะของเขาก่อนร่วมรักนั้น ขี้ไคลที่หมักหมมใต้หนังหุ้มปลายของเขาก็อาจจะตกลงไปในจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง ทำให้เกิดอาการอักเสบจากเชื้อราได้ด้วย
ฝ่ายหญิง : แหมคุณนี่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับถุงยางอนามัยละเอียดจริงๆ ไปศึกษามาจากไหนดีหรือค่ะ ทำเป็นผู้เชี่ยวชาญและช่ำชองเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยนะคะ
ฝ่ายชาย : อย่าระแวงผมแบบนั้นซิครับ ผมก็หาความรู้จากเว็บดีๆ และรายการดีๆ ที่ให้ความรู้ทางเพศศึกษาที่ถูกต้องบ้างไม่ได้หรือ ก็เพราะผมรักคุณอยากจะอยู่กับคุณอย่างมีความสุข
ฝ่ายหญิง : ถ้าอย่างนั้นรอต่อไปอีกนะคะคนดีรอวันแต่งงานก็แล้วกัน เพราะคุณก็คงอยากจะมีแบบเนื้อแนบเนื้อใช่ไหมคะ