|
ไตรกลีเซอไรด์ไขมันตัวร้ายของผู้หญิง!!! |
 |
|
|
|
วันที่ 05 พ.ค. 2551 โดย บุษกร |
|
|
|
|
|
|
|
|

เราได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับคอเลสเตอรอล ไขมันในเลือดที่ถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของสุขภาพที่ดี แต่ยังมีไขมันในเลือดอีกชนิดหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตและมีอิทธิพลต่อสุขภาพของเราไม่แพ้คอเลสเตอรอลนั่นก็คือ ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันในเลือด...ไตรกลีเซอไรด์ ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) เป็นไขมันในเลือดชนิดหนึ่งที่ร่างกายได้จากการสังเคราะห์จากอาหารส่วนหนึ่ง ไตรกลีเซอไรด์นับเป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย โดยได้มาจากอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลไขมันประเภทต่างๆ รวมทั้งโปรตีนที่เหลือใช้จะถูกเปลี่ยนเป็นไตรกลีเซอไรด์ และเก็บสะสมไว้ที่ไขมันใต้ผิวหนัง เพื่อใช้เป็นพลังงานสำรอง ไตรกลีเซอไรด์สูงเสี่ยงโรคหัวใจ&มะเร็งเต้านม ไขมันชนิดนี้เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเสื่อมของหลอดเลือดแดง ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหัวใจขาดเลือด อัมพาต อัมพฤกษ์ได้ เช่นเดียวกับการมีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ไตรกลีเซอไรด์ปริมาณสูงทำให้เลือดข้นเหนียวขึ้น เกิดการจับตัวกันเป็นลิ่ม และอุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะหัวใจและสมอง ระดับไตรกลีเซอไรด์ที่สูงมากๆ อาจจะทำให้เกิดโรคตับอ่อนอักเสบได้ ในผู้หญิงระดับไตรกลีเซอไรด์ที่สูง ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมสูงขึ้นด้วย เพราะไตรกลีเซอไรด์ที่สูงไปกระตุ้นให้ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ไหลเวียนอยู่สูงขึ้นด้วยซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของการเป็นมะเร็งเต้านม 8 วิธีลดเสี่ยงจากไตรกลีเซอไรด์ ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดปกติไม่ควรเกิน 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และถ้าพบว่าสูงมากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรควรควบคุม โดยการคุมอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารประเภทแป้งและน้ำตาลอาหารที่มีไขมันมาก และงดสูบบุหรี่ รวมถึงลดการบริโภคแอลกอฮอล์ทุกประเภท และถ้าคุณเป็นอีกคนที่อยากลดความเสี่ยงกับการมีไตรกลีเซอไรด์สูง ก็ควรปรับไลฟ์สไตล์และดูแลสุขภาพตัวเองดังนี้ค่ะ 1. ระวังแป้งและน้ำตาล ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงผิดปกติ เกิดจากการได้รับพลังงาน หรือแคลอรีมากเกินไปการกินขนมหวาน หรือกินอาหารที่ทำจากแป้งมากเกินไป ทำให้ร่างกายสร้างไตรกลีเซอไรด์แล้วขับเข้าสู่กระแสเลือดมากเกินไป จึงควรลดปริมาณอาหารที่ให้แคลอรีสูง เช่น ของหวาน หรืออาหารที่มีน้ำตาลมาก รวมถึงอาหารจำพวกแป้งด้วย หรือประเภทที่มีกากใยอาหาร เช่น ข้าวซ้อมมือ เมล็ดธัญพืชไม่ขัดสีแทนอาหารจำพวกแป้งขัดสีที่กินอยู่เป็นประจำก็ได้เช่นกัน 2. ครบ 3 มื้อ ไม่ควรงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง โดยเฉพาะมื้อเช้าควรกินมื้อเช้าให้อิ่ม เพราะพลังงานที่ได้จากมื้อเช้าจะถูกนำไปใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆ ตลอดวัน การกินอาหารมื้อเช้าให้พลังงานประมาณ 1 ใน 4 ของพลังงานที่ร่างกายต้องการใน 1 วัน ซึ่งเท่ากับปริมาณพลังงานที่ควรได้รับในมื้อเย็น ที่เหลือประมาณครึ่งหนึ่งควรได้จากมื้อกลางวันและอาหารว่างมื้อเล็กๆ การรับประทานอาหารแบบนี้จะทำให้ไม่มีพลังงานเหลือนำไปสร้างเป็นไตรกลีเซอไรด์ได้ 3. ถูกสัดส่วน อาหารแต่ละมื้อควรมีสัดส่วนของโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันในปริมาณพอเหมาะ ไม่ควรกินอาหารจำพวกนี้มากเกินไป ควรหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง เนื้อสัตว์ติดมัน นอกจากนี้ควรกินปลา ผัก ผลไม้ และอาหารที่มีกากใยให้ได้ครบในแต่ละวัน 4. ควบคุมไขมัน การลดอาหารไขมันช่วยทำให้ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลงได้ ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารทอด หรือผัดที่ใช้น้ำมันกากในการประกอบอาหาร รวมทั้งไขมันจากอาหารต่างๆ เช่น เนย มาการีน น้ำมันพืช กะทิ หรือไขมันสัตว์ ยกเว้นไขมันจากปลาทะเลที่มีกรดไขมันโอเมก้า (Omega-3) จากการศึกษาวิจัยพบว่ากรดไขมันโอเมก้า ช่วยลดการสังเคราะห์ไตรกลีเซอไรด์ในตับได้ ดังนั้นใครที่มีปัญหาไตรกลีเซอไรด์สูงหากได้กินปลาทะเล ไม่ควรทอดนะคะควรปรุงด้วยวิธีการนึ่ง 2-3 มื้อต่อสัปดาห์จะช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ในเลือดค่อนข้างดี 5. งดสูบบุหรี่และแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และดื่มเหล้า หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะไปกระตุ้นตับให้ผลิตไตรกลีเซอไรด์มากขึ้น และยังทำให้การเคลื่อนย้ายไขมันออกจากเลือดได้ช้ากว่าปกติด้วย ดังนั้นควรงดสูบบุหรี่ งดการดื่มเบียร์ เหล้า หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่างๆ 6. ควบคุมน้ำหนักตัว ภาวะไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง ยังพบได้บ่อยในคนอ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอ้วนแบบลงพุงกะทิ ฉะนั้นถ้าคุณมีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานควรพยายามลดน้ำหนักตัวลงบ้างไม่ได้หมายความว่า ต้องผอมบางอย่างดารานางแบบนะคะ เพียงแต่พยายามลดน้ำหนักตัวลงให้ได้ร้อยละ 5-10 จากน้ำหนักเดิม และการลดน้ำหนักที่ดีที่สุดคือการควบคุมปริมาณอาหาร ร่วมกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ 7. ระวังยา การกินยาบางชนิดอาจทำให้ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูงขึ้นได้ เช่น ยาขับปัสสาวะ ไธอาไซด์ ฮอร์โมนเพศหญิง ยาคุมกำเนิดบางชนิด หากต้องกินยาเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ และมีการตรวจระดับไตรกลีเซอไรด์อย่างสม่ำเสมอ 8. ออกกำลังกาย ควรทำตัวกระฉับกระเฉงอยู่เสมอ การได้ออกกำลังกายระดับปานกลางวันละอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง 3-4 วันต่อสัปดาห์ จะช่วยเผาผลาญแคลอรีได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือหากไม่มีโอกาสไปออกกำลังกายอย่างจริงจัง การเดินหรือทำงานนอกบ้านให้ได้เหงื่อสักเล็กน้อยทุกวันนั้นก็ดีต่อสุขภาพ และช่วยป้องกันได้อีกหลายโรคเลยล่ะค่ะ หลายๆ คนอาจจะกลัวว่าไขมันจะทำให้เสียหุ่นสวย แต่เอาเข้าจริงแล้วไขมันร้ายอย่างไตรกลีเซอไรด์มีพิษสงร้ายกาจน่ากลัวมากกว่าที่คิด เพราะฉะนั้นต้องใส่ใจดูแลสุขภาพกันให้ดีจะได้ห่างไกลโรคค่ะ. |
|
|
|
|
|
|
|
|
[ ที่มา...นิตยสาร MODERNMOM Vol.13 No.147 January 2008 ]
|
|
|
URL
Link :
http://www.panpublishing.com |
|
|
|
|
|
 |
|
|
|
|
|
|
|