บทความเกี่ยวกับ วัยรุ่น
คนเป็นคนที่ - 2030 [Date : 19 เม.ย. 2553 ]   
 
เรื่อง เขินอายของวัยรุ่น
 
วันที่ 19 เม.ย. 2553   โดย ผศ.นพ.พนม เกตุมาน
 
 

เรื่องเขินอายของวัยรุ่น



เมื่อลูกโตจนเข้าวัยรุ่น จะเกิดพฤติกรรมอีกแบบหนึ่ง
ที่ชวนให้พ่อแม่หงุดหงิดได้

ลูกจะอายมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับรูปร่าง ร่างกาย ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว บางคนอาจมีการเปลี่ยนแปลงทางเพศ ทำให้มีสิว มีกลิ่นตัวเสียงแตกในผู้ชาย บางคนโตเร็วมาก เวลาเดินจะดูเก้ๆ กังๆ ไหล่ห่อ ดูไม่สง่างาม พ่อแม่อาจจะดุว่าบ่อยๆ เพื่อให้รู้จักยืดอกไหล่ผึ่งดูสมชาย แต่พอเผลอก็เป็นแบบเดิมอีก น่าสงสัยว่ามีอะไรน่าอายกันนักหนานะครับ

ถ้าคุณพ่อคุณแม่ลองย้อนอดีตกลับไประลึกถึงตนเองตอนเป็นวัยรุ่น อาจจะยังพอจำได้ว่า สมัยนั้นเราก็มีลักษณะอย่างที่กล่าวข้างต้นเหมือนกัน แต่เราพ้นวัยนั้นมานานเข้า เลยลืมไปว่า พอเข้าวัยรุ่นก็มีอะไรให้อายมากมายเหลือเกิน

  • ความอายในวัยรุ่นเป็นของธรรมดา

วัยรุ่นคนไหนไม่อาย ดูแปลก และถ้าไม่อายเลยละก็ผิดปกตินะครับ

วัยรุ่นอายเนื่องจากตนเองมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งร่างกาย อารมณ์ จิตใจ รวมไปถึงสังคมรอบตัวเขา การเปลี่ยนแปลงนี้มาเร็วจนตั้งรับไม่ค่อยทัน ยกตัวอย่างเช่น ความสูง วัยนี้จะสูงเร็วโดยเฉพาะวัยรุ่นตอนต้น (หรือก่อนวัยรุ่นเล็กน้อย)เมื่อวัยรุ่นสูงขึ้นเร็ว เขาก็กะระยะต่างๆ ผิดพลาดจนดูเป็นซุ่มซ่าม ความจริงเกิดจากร่างกายเขาเปลี่ยนขนาดเร็วจนปรับไม่ทัน ทำให้การเคลื่อนไหวต่างๆ ไม่สัมพันธ์กันได้ดีเหมือนเดิม เด็กจะเกิดความไม่มั่นใจ กลัวผิดพลาด ยิ่งถ้าผู้ใหญ่ชอบดุว่าตำหนิ ก็จะยิ่งไม่กล้าแสดงออกมากขึ้น ทำให้อายรูปร่างของตนเอง

ถ้าลองพิจารณาดูวัยรุ่นตอนต้นกำลังเติบโตจะพบว่า รูปร่างเขาก็ดูน่าหัวเราะอยู่เหมือนกัน เพราะสัดส่วนต่างๆ จะดูตลก ไม่ชวนมองเหมือนวัยรุ่นตอนกลางหรือตอนปลาย ซึ่งจะเห็นความเป็นหนุ่มสาวชัดเจน วัยรุ่นเขาก็มองตัวเองออกเหมือนกันว่า รูปร่างของเขาไม่ค่อยน่าดูเท่าใดนัก ก็จะรู้สึกไม่ชอบรูปลักษณ์ของตนเอง

พัฒนาการทางจิตใจของวัยนี้จะมีความอ่อนไหวเรื่องตนเอง วัยรุ่นจะครุ่นคิดถึงเรื่องรูปร่าง และรูปลักษณะของตนเองบ่อยๆ ถ้าเห็นอะไรในร่างกายที่ผิดปกติไปจากเดิมหรือแตกต่างจากเพื่อนๆ เขาก็จะกังวลมากแม้แต่สิวเม็ดหนึ่งบนใบหน้า ก็อาจทำให้กลุ้มใจจนนอนไม่หลับได้ และความที่วัยรุ่นเอง จะเปลี่ยนแปลงไม่พร้อมกัน บางคนเป็นหนุ่มเร็ว บางคนเป็นสาวช้ากว่าเพื่อนๆ ทำให้เขาเปรียบเทียบ ตนเองกับเพื่อนๆ ด้วยความวิตกกังวล คนที่โตเร็วจึงมักจะพยายามบีบตัวเอง โดยการเดินไหล่ห่อบ้าง ก้มหัวบ้าง เพียงเพื่อให้ตนเองไม่สูงเกินเพื่อนๆ จะได้ไม่เป็นจุดเด่นเกินไปนัก

สาวน้อยบางคนอายนัก ถ้ามีใครมาทักถามเกี่ยวกับหน้าอกของตนเอง ซึ่งเริ่มโตขึ้นมากกว่าเพื่อนๆ การล้อเลียนกันในหมู่เพื่อนหรือผู้ใหญ่ ก็ทำให้วัยรุ่นอายมากขึ้นด้วยนะครับ

ต่อเมื่อเพื่อนๆ ของเขาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมาทันกัน ความรู้สึกแตกต่างนี้จึงจะค่อยๆ หายไป และในที่สุดคนที่เป็นวัยรุ่นช้ากว่าคนอื่นซึ่งเหลือน้อยลงๆ จะเริ่มกังวลว่า ทำไมร่างกายตนเอง จึงไม่เปลี่ยนแปลงไปเหมือนเพื่อนเสียที

ดังนั้น วัยรุ่นที่จะรู้สึกอายได้มากๆ มี 2 กลุ่มคือ กลุ่มที่เป็นวัยรุ่นเร็ว และกลุ่มที่เป็นวัยรุ่นช้ากว่าเพื่อน

ปัจจัยทางจิตใจ-สังคมก็มีส่วนทำให้วัยรุ่นอายได้ เนื่องจากพวกเขาจะไม่มีความมั่นใจว่า คนอื่นคิดอย่างไรกับเขา ทั้งรูปร่างหน้าตา จะทำให้คนอื่น (เพื่อนๆ และคนในครอบครัว) รู้สึกน่าขันหรือไม่ วัยรุ่นอยากจะให้คนอื่นรู้สึกต่อตนเองในทางที่ดี ยอมรับเขาและชื่นชมเขา แต่ความเปลี่ยนแปลงในวัยนี้ ก็รบกวนเขามากเหลือเกิน ต่อเมื่อเขามีความรู้สึกมั่นใจในรูปลักษณ์หรือเอกลักษณ์ของตนเอง ตอนนั้นเขาก็จะไม่เขินอาย

ความรู้สึกต่อตนเองทางด้านบวก จึงช่วยให้วัยรุ่นมั่นใจในตนเอง ไม่อาย กล้าแสดงออก กล้าเป็นตัวของตัวเอง การเผชิญความอายในวัยรุ่นจึงเป็นแบบฝึกหัดหนึ่ง ซึ่งมีความจำเป็นที่จะหล่อหลอม ในวัยรุ่นมีวุฒิภาวะทางจิตใจสูงขึ้น

ความอายในวัยรุ่นจึงเป็นเรื่องปกติ คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องวิตกกังวลนะครับ มองทางด้านดีก็คือ วัยนี้พยายามทำตัวให้เป็นที่ยอมรับนั่นเอง ตราบใดที่เขาอาย แสดงว่าเขาคำนึงถึงความรู้สึกของคนอื่น (ที่มีต่อเขา) เราควรช่วยส่งเสริมให้วัยรุ่นเอาชนะความอาย โดยการทำให้เขามั่นใจและพอใจในตนเอง

  • คุณพ่อคุณแม่จะช่วยได้อย่างไร

เข้าใจและทำใจ พฤติกรรมอายในวัยนี้เป็นปกติ อย่าไปหงุดหงิดถือสาหรือเป็นอารมณ์กันใหญ่โต ความเข้าใจทำให้ผู้ใหญ่มองวัยรุ่นดีขึ้น บางทีแค่เข้าใจ ทำเฉยๆ เสีย พฤติกรรมอายเหล่านี้ก็หายไปเอง

พูดคุยให้ความรู้ คุณพ่อคุณแม่ควรจะมีความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของวัยรุ่น (ซึ่งหาอ่านได้จากหนังสือเกี่ยวกับวัยรุ่นต่างๆ) เช่น การเกิดสิว เกิดกลิ่นตัว ประจำเดือน คืออะไร ทำไมเขาจึงสูงมากขึ้นในขณะนี้ ฯลฯ เรื่องเหล่านี้ไม่ค่อยมีสอนกันในโรงเรียน แต่วัยรุ่นอยากรู้ ถ้าคุณพ่อคุณแม่หยิบยกมาพูดคุยกันในโอกาสที่เหมาะสม จะช่วยให้วัยรุ่นสบายใจขึ้นอีกมาก และดูแลร่างกายตนเองได้ดีขึ้น

พยายามองหาส่วนดีของเขา และช่วยให้เขาพบข้อดีในตนเอง รู้สึกชื่นชมตนเองได้ อาจจะเป็นจุดเด่นของเขาด้านใดด้านหนึ่ง (หรือหลายๆ ด้าน) บางคนเรียนเก่ง บางคนเป็นนักกีฬา บางคนชอบดนตรีร้องเพลงบางคนชอบศิลปะ หรือบางคนมีเพื่อนฝูงมากมาย (แต่ด้านอื่นไม่ดีเลย) จุดเด่นเหล่านี้จะช่วยให้วัยรุ่นรู้สึกยืดได้กับเขาบ้าง เกิดความรู้สึกที่ดีต่อตนเอง และมีเอกลักษณ์ในทางที่ดี แบบนี้เขาก็จะไม่อายอีกต่อไป

การมองหาข้อดีอาจทำโดยการสังเกต สอบถามพูดคุยและติดตามพฤติกรรมตามความชอบ ความถนัดของเขา

คุณพ่อคุณแม่ควรหาโอกาสพูดคุยกันในเรื่องการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ดังกล่าว โดยวิธีการต่อไปนี้นะครับ
" ตอนนี้ลูกโตขึ้นมากนะ รู้สึกร่างกายเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างไหม " (ถามนำ)
" ลูกรู้สึกอย่างไรที่ตัวเองสูงขึ้นมาก " (ถามความรู้สึก)
" อายเพื่อนๆ บ้างไหม " (ถามนำความรู้สึกที่เกิดขึ้น)
" มีใครเปลี่ยนแปลงเหมือนลูกบ้าง " (ถามหาเพื่อน)
" มีใครล้อเลียนเรื่องนี้กันบ้างไหม " (ถามนำ หาปัญหา)
" ลูกรู้สึกอย่างไรที่เพื่อนๆ พูด " (ถามความรู้สึก)
" มีใครเป็นแบบลูกไหม " (ถามหาเพื่อน)
" ลูกรู้สึกไหมว่าแตกต่างไปจาเพื่อน " (ถามนำหรือสะท้อนความรู้สึกเขา)
" ลูกคิดจะทำอย่างไรต่อไป " (หาทางออก)
" ลูกอยากจะคุยกับพ่อแม่เรื่องนี้ไหม " (ชักชวนให้คุย)
" ลูกเคยปรึกษาใครบ้าง" (ถามหาทางแก้ปัญหา)
" ลูกเคยคิดถึงข้อดีของตนเองบ้างไหม มีอะไรบ้าง " (ถามนำข้อดีของตนเอง)
การซักถามปูพื้นเรื่องการเปลี่ยนแปลงต่างๆ นั้นสามารถทำได้ทั้งเรื่องทางร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม เพื่อให้เด็กเกิดความรู้สึกว่าพูดคุยกันได้ และพ่อแม่ยินดีจะให้ข้อมูลในบางเรื่องได้ หลังจากนั้นลองสังเกตดูว่า ลูกพร้อมที่จะรับฟังเราหรือไม่

ถ้าเขาพร้อม คุณพ่อคุณแม่ก็เดินหน้าให้ความรู้ทางวิชาการได้ แต่ควรเป็นลักษณะสื่อสารสองทางคือ เปิดโอกาสให้ลูกซักถาม ชวนคิดไปพร้อมๆ กันด้วย เช่น
" ประจำเดือนจะเกิดขึ้นในผู้หญิงเท่านั้น ลูกรู้ไหมว่าทำไม "
" สิวมักจะเกิดในช่วงวัยรุ่น ลูกคิดว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น "
" ถ้าเรารู้สาเหตุของการเกิดสิว เราก็สามารถป้องกันได้ ลูกคิดว่า จากที่คุยกันมา จะป้องกันสิวของตนเองได้อย่างไร "
ในวัยรุ่นนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจสังเกตว่า เขาไม่ค่อยมีเวลากับเรามาก แต่จะไปสนิทสนมกับเพื่อนๆ ถึงแม้เวลาพูดคุยกันจะน้อย คุณพ่อคุณแม่ก็ควรหาเวลาพูดคุยกันในสิ่งเหล่านี้เป็นครั้งคราว ลองสังเกตความสนใจใฝ่รู้ของลูก และสอดแทรกความรู้ในจังหวะที่เหมาะสม วัยรุ่นก็จะเลิกอายไปได้เองครับ

หลีกเลี่ยงการตำหนิ คุณพ่อคุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการตำหนิ ติเตียนในพฤติกรรม ที่แสดงความอายของเขา เลิกการบ่นถึงการเดินหลังงอ เลิกดุเขาต่อหน้าคนอื่นถึงความไม่กล้า ไม่มั่นใจของเขา เลิกดุต่อหน้าคนอื่นซึ่งจะยิ่งทำให้อับอาย สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความรู้สึกด้านลบต่อตนเอง และทำให้เขาอายยิ่งขึ้น ถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆ นานๆ จะกลายเป็นเด็กที่มองตนเองไม่ดี ส่งผลเสียต่อบุคลิกภาพ

คุณพ่อคุณแม่ลองดูนะครับ ถ้าลูกวัยรุ่นเริ่มอาย ต้องเข้าใจ ทำใจ ให้ความรู้ ดูข้อดี และอย่าจี้ข้อเสียของเขา เท่านี้ลูกของท่านก็จะพ้นวัยรุ่นไปด้วยความมั่นใจ

ผศ.นพ.พนม เกตุมาน

(update 21 เมษายน 2001)


[ ที่มา...หนังสือ รู้จักรู้ใจวัย 13 ถึง 15 ปี ฮอร์โมนร้ายของวัยรุ่น]
 
 

[ ที่มา...http://www.elib-online.com/doctors3/child_shame01.html ]

URL Link : http://www.elib-online.com/doctors3/child_shame01.html

 

     
   


[Home] [โรคเด็ก] [เสพสมให้สมอารมณ์หมาย] [คู่มือเลี้ยงลูก] [คลินิกเด็ก] [ผู้สูงวัย] [ครอบครัว] [คุมกำเนิด] [วัยรุ่น] [เบี่ยงเบน] [กฏหมาย] [สุขภาพจิต] [ผู้หญิง ผู้หญิง] [กามโรค]