บทความเกี่ยวกับ เบี่ยงเบน
คนเป็นคนที่ - 2269 [Date : 19 เม.ย. 2553 ]   
 
การมีความต้องการเปลี่ยนเพศ
 
วันที่ 19 เม.ย. 2553   โดย ศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุวัทนา อารีพรรค
 
 
การมีความต้องการเปลี่ยนเพศ
 

การมีความต้องการเปลี่ยนเพศ


การมีความต้องการเปลี่ยนเพศหรือทรานสเซ็กชวลลิส์ม เป็นความผิดปกติทางเพศ เนื่องจากมีความเชื่อว่าเพศที่ปรากฏ ทางร่างกายของตนไม่ถูกต้อง ทำให้เกิดความต้องการที่จะผ่าตัด เปลี่ยนเพศ หรือไม่ก็พยายามซ่อนเพศทางร่างกายของตนไว้ โดยการแต่งกายหรือประพฤติแบบเพศตรงกันข้าม ส่วนใหญ่ ของคนที่มีปัญหานี้คือ ผู้ชาย

คอลด์เวลล์ (Cauldwell) เป็นผู้เริ่มเอาคำทรานสเซ็ก ชวลลิส์มาใช้ หลังจากมีการเปลี่ยนเพศหนุ่มน้อยอเมริกันชื่อ จอร์จ จอร์เกนเสน (George Jorgensen) ให้เป็นเด็กสาวชื่อ คริสตีน จอร์เกนเสน (Christine Jorgensen) โดยการใช้ ฮอร์โมนและการผ่าตัดในกรุงโคเปนเฮเกนระหว่าง ค.ศ. 1951-1952 เดิมความผิดปกตินี้จัดรวมอยู่ในขบวนการ ของโรคลักเพศ

อุบัติการของการมีความต้องการเปลี่ยนเพศยังไม่เป็นที่ทราบแน่นอน ที่มหาวิทยลัยจอห์นส์ฮอปกินส์ ประเทศสหรัฐอเมริกาประมาณว่ามีผู้ชายที่เป็นโรคนี้ 1 คนต่อประชากร 100,000 คน และผู้หญิง 1 คน ต่อประชากร 400,000 คน ในสวีเดนมีชายที่เป็นโรคนี้ประมาณ 1 คนต่อประชากร 40,000 คน และหญิงประมาณ 1 คนต่อประชากร 100,000 คน ซึ่งพอๆ กับของประเทศอังกฤษและเวลส์

ลักษณะของผู้ป่วย

สำหรับผู้ชาย เพศทางร่างกายของเขาจะเป็นชายแต่จิตใจเป็นหญิง เขาต่างจากพวกลักเพศ ตรงที่ไม่ได้ชอบแต่งกายเป็นเพศตรงกันข้ามเท่านั้น แต่เขาไม่ต้องการความเป็นเพศชายของเขาเลย เขาต้องการมีชีวิตเป็นผู้หญิงอย่างสมบูรณ์ทั้งในด้านอารมณ์ ร่างกาย และชีวิตทางเพศ ความต้องการที่รุนแรงนี้ เริ่มตั้งแต่วัยรุ่นและเขาจะพยายามแก้ไขโดยใช้ชีวิตอย่างเพศหญิง ได้แก่ หางานที่ผู้หญิงทำ เช่น งานเสริมสวยหรือตัดเย็บเสื้อผ้า เพื่อสนองความมีบุคลิกภาพแบบผู้หญิงของเขา แต่ในที่สุดเมื่อความต้องการมากขึ้น เขาจะเกลียดอวัยวะเพศของตนและอยากตัดออก อยากมีช่องคลอด และอยากมีเต้านม นั่นคือ เกิดความต้องการที่จะเปลี่ยนเพศ

ในเรื่องเพศสัมพันธ์ เขาต้องการความรักจากผู้ชายแบบชายรักหญิง ไม่ใช่แบบรักร่วมเพศ เขาต้องการเป็นเพศหญิงเพื่อจะได้อยู่กินกับผู้ชายในฐานะเป็นภรรยา คนพวกนี้ไม่ใช่กะเทย (hermaphrodite) ซึ่งอาจมีลักษณะบางอย่างของทั้ง 2 เพศ แต่เขามีลักษณะเป็นเพศใดเพศหนึ่งเท่านั้น และรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง

ส่วนผู้หญิง เพศทางร่างกายเป็นผู้หญิงแต่จิตใจเป็นผู้ชาย คนพวกนี้เมื่อวัยเด็กจะเป็นทอมบอย และอิจฉาความเป็นชายของเด็กชาย และเมื่อผ่านวัยหนุ่มสาวไปแล้วเขาจะมีความยุ่งยากในการเลือกเพศ เขาไม่ต้องการเต้านมและประจำเดือน มีความรักกับผู้หญิงด้วยกัน และต้องการจะอยู่กับคนรักในฐานะเป็นสามี เพราะฉะนั้นเขาจะพยายามแต่งตัวให้เหมือนชายที่สุดโดยการพันเต้านมเพื่อให้หน้าอกแฟบลง แสดงท่าทางและคำพูดแบบผู้ชาย และหางานที่ผู้ชายทำ ต่อมาเมื่อความต้องการรุนแรงมากขึ้น เขาจะต้องการตัดเต้านมและมดลูกออกเพื่อให้ไม่ต้องเผชิญกับความเป็นหญิงของตน และต่อไปก็ต้องการฉีดฮอร์โมนเพศชายและผ่าตัดเพื่อสร้างองคชาต

หญิงที่มีความต้องการเปลี่ยนเพศต่างจากพวกรักร่วมเพศ หญิงที่มีรูปร่างหรือชอบแต่งกายคล้ายผู้ชาย ตรงที่พวกรักร่วมเพศไม่ต้องการเปลี่ยนเพศหรือใช้ชีวิตแบบเพศชายทั้งหมด เพียงแต่ต้องการมี ความสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงด้วยกันเท่านั้น

สาเหตุ
ยังไม่ทราบแน่นอน เชื่อว่าอาจเป็นเพราะ
1. การพัฒนาบุคลิกภาพและประสบการณ์ทางสังคมที่ทำให้แนวความคิดว่า ตนเป็นเพศใดผิดไป ผู้ชายมักมีแม่ซึ่งขาดความสุขและยึดติดกับลูกคนนี้มาก
2. ฮอร์โมนเพศ มีผู้ทดลองในสัตว์พบว่า ฮอร์โมนเพศของทารกมีอิทธิพลต่อสมอง โดยเฉพาะศูนย์อารมณ์และศูนย์ใกล้เคียงซึ่งควบคุมความประพฤติทางเพศ นอกจากนั้นฮอร์โมนเพศจากภายนอกร่างกายที่ฉีดให้มารดาระหว่างการตั้งครรภ์ ยังมีอิทธิพลต่อความประพฤติทางเพศของทารกอีกด้วย
3. ความผิดปกติของโครโมโซม พบว่าพวกที่เป็นไคลนีเฟลเตอร์สซินโดรม เป็นโรคนี้มากกว่าคนปกติ
4. อื่นๆ เช่น การติดเชื้อไวรัส และโรคลมชักที่เกิดจากความผิดปกติ ของกลีบสมองส่วนขมับ
จิตแพทย์และนักจิตบำบัดเชื่อว่าการมีความต้องการเปลี่ยนเพศเป็นโรคทางใจ แต่แพทย์ฝ่ายกาย เชื่อว่าเป็นโรคทางกาย อย่างไรก็ตาม ผลการตรวจทางร่างกายของผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่พบความผิดปกติ ของโครโมโซม ฮอร์โมน หรือโครงสร้างของร่างกายที่เป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้ และจากการทดสอบทางจิตวิทยาก็ไม่พบว่ามีขบวนการทางจิตใจแบบใดแบบหนึ่งโดยเฉพาะ

การรักษา

เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอนของการเกิดความต้องการเปลี่ยนเพศ การรักษาจึงเป็นแบบรักษาตามอาการ โดยมีหลักว่า จะเปลี่ยนจิตใจให้เป็นไปตามร่างกาย หรือเปลี่ยนร่างกายให้เป็นไปตามจิตใจ แต่เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าการเปลี่ยนร่างกายให้เป็นไปตามจิตใจนั้น ง่ายกว่าการเปลี่ยนจิตใจให้เป็นไปตามร่างกายมาก ทางการแพทย์สิ่งสำคัญที่สุดของความสำเร็จ ในการเปลี่ยนเพศคือ ต้องช่วยให้ผู้ป่วยเข้าใจว่า การแก้ไขปัญหาของเขานั้น ไม่ใช่โดยการเปลี่ยนเพศวิธีเดียว ผู้รักษาทั้งหลายจะช่วยกันหาวิธีซึ่งดีที่สุดสำหรับเขา แต่อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงการขัดแย้งกับผู้ป่วย เพราะผู้ป่วยบางคนมีความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องเปลี่ยนเพศ เพราะฉะนั้น เขาจะเปลี่ยนจาก แพทย์คนนี้ไปคนนั้นจนกว่าจะพบผู้ที่ยอมทำผ่าตัดให้หรือบางครั้งเขาจะบังคับแพทย์ทางอ้อม โดยการพยายามฆ่าตัวตาย พยายามตัดหรือเฉือนอวัยวะเพศของตน อันทำให้แพทย์อาจจำใจ ต้องทำผ่าตัดให้ ทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจว่าได้ทำถูกต้องแล้ว

ข้อบ่งชี้และข้อห้ามในการเปลี่ยนเพศ

มีผู้แนะนำว่า การผ่าตัดเปลี่ยนเพศชายให้เป็นหญิง ควรทำเฉพาะคนซึ่งได้แสดงลักษณะ ของความเป็นผู้หญิงอย่างเด่นชัด ตั้งแต่วัยเด็กเล็กจนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่อย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่เป็นระยะ และมีความต้องการเป็นผู้หญิงไม่เฉพาะลักษณะภายนอก แต่ทั้งชีวิต ข้อห้ามจริงๆ ในการเปลี่ยนเพศคือ การเป็นโรคจิตหรือกึ่งโรคจิต (borderline psychosis) สภาวะอื่นๆ เช่น การสมรสแล้วและสามารถร่วมเพศ จนมีความสุขสุดยอดกับหญิงได้ รวมทั้งกายที่มีลักษณะของความเป็นชายชัดเจน หรือมีความวิปริตทางเพศ อย่างอื่นร่วมด้วย เช่น การมีความสุขทางเพศกับส่วนของร่างกายของเพศตรงกันข้าม หรือวัตถุก็เป็นข้อห้ามเช่นกัน

สำหรับผู้หญิงข้อบ่งชี้ในการเปลี่ยนเพศเป็นชาย คือ การที่มีลักษณะของผู้ชายเด่นชัดตั้งแต่วัยเด็ก และได้พยายามใช้ชีวิตแบบผู้ชายหลังจากวัยแตกสาว โดยการแต่งตัวเป็นชาย เลือกงานที่ผู้ชายทำ ฯลฯ เป็นต้น ส่วนข้อห้ามก็ทำนองเดียวกับของผู้ชาย

ก่อนจะทำการผ่าตัดเปลี่ยนเพศมีหลักสำคัญข้อหนึ่งคือ การทดลองใช้ชีวิตตามเพศที่บุคคลผู้นั้น ต้องการชั่วระยะหนึ่ง อย่างน้อย 1 ปี โดยการกระตุ้นลักษณะของเพศตรงกันข้ามด้วยฮอร์โมนเพศ ถ้ายังมีความคิดแน่วแน่ที่จะเปลี่ยนเพศจึงจะทำการผ่าตัด

การผ่าตัดประกอบด้วยการเอาอวัยวะเพศหรืออวัยวะที่เป็นลักษณะของเพศเดิมออก เช่น การตัดเต้านม กำจัดหนวด เครา และขนตามร่างกาย ตัดองคชาต มดลูก และรังไข่ เป็นต้น โดยวิธีผ่าตัด ให้ฮอร์โมนเพศ หรือวิธีอื่นๆ หลังจากนั้นจึงทำการผ่าตัดเพื่อสร้างอวัยวะเพศใหม่ ได้แก่ ผ่าตัดเสริมเต้านม ทำช่องคลอดเทียม หรือทำองคชาตเทียม

ผลการรักษา

การทำผ่าตัดเปลี่ยนเพศมักจะหวังผลทั้งในด้านความสวยงามและการปฏิบัติงานทางเพศ ในการเปลี่ยนเพศชายให้เป็นเพศหญิงมักจะได้ผลเป็นที่น่าพอใจ บางรายมีความสุขสุดยอด จากการร่วมเพศได้ด้วย เพราะผิวหนังบางส่วนขององคชาตยังคงอยู่ แต่รายที่เปลี่ยนจากหญิงเป็นชาย ผลมักจะไม่ค่อยดีทั้งในด้านความงามของอวัยวะเพศและความสามารถในการร่วมเพศ

จากการติดตามผลการรักษาชาย 17 คน และหญิง 7 คน ซึ่งได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนเพศไปแล้ว ที่โรงพยาบาลจอห์นส์ฮอปกินส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยอาศัยหลักเกณฑ์ 5 ประการคือ ความสามารถในการประกอบอาชีพ ความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นอย่างคงเส้นคงวา ความจำเป็นต้องได้รับจิตบำบัด ความรู้สึกเป็นสุขสบาย และปัญหาอาชญากรรม กล่าวได้ว่าทุกรายดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนเปลี่ยนเพศ การที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะได้มีการเลือกเฟ้นผู้ป่วย ที่จะทำการผ่าตัดเป็นอย่างดีมาก่อน ส่วนรายงานจากที่อื่นของสหรัฐได้ผลไม่ดีเท่านี้ ผู้ป่วยบางรายเสียใจ ที่เปลี่ยนเพศและพยายามจะกลับไปเป็นเพศเดิมของตนอีกก็มี

ตัวอย่างผู้ป่วยรายที่ 1

ผู้ป่วยชาย โสด อายุ 32 ปี การศึกษาชั้นมัธยมตอนต้น อาชีพลูกเรือ มาโรงพยาบาล เนื่องจากพยายามฆ่าตัวตายเพราะไม่มีเงินจะเปลี่ยนเพศ

ผู้ป่วยเกิดในครอบครัวคนจีนที่ยากจน เป็นลูกคนกลาง มีพี่ชาย 2 คน พี่สาว 1 คน น้องชาย 2 คน และน้องสาว 1 คน ตั้งแต่จำความได้รู้สึกว่าพ่อไม่ยุติธรรมและเกลียดผู้ป่วย พ่อมักไม่ให้ของรับประทาน ดุด่าบ่อยๆ และตบตีผู้ป่วยแรงๆ เสมอ จนผู้ป่วยคิดว่าการตบนั้น เป็นเหตุให้ผู้ป่วยไม่ฉลาด มารดาเป็นช้างเท้าหลัง ไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไรเกี่ยวกับลูกๆ บิดามารดาทะเลาะกันเป็นประจำ ด้วยเรื่องการเงินและเรื่องผู้ป่วย ตั้งแต่จำความได้รู้สึกอยากเป็นหญิงและชอบเล่นกับเด็กผู้หญิง จึงมักถูกเพื่อนล้อว่าเป็นกะเทย แม้พี่ชายก็ดูถูกผู้ป่วยในเรื่องนี้ ในวัยหนุ่มไม่เคยมีความรู้สึกทางเพศ กับเพศหญิงเลย ชอบผู้ชายแต่ไม่ใช่แบบรักร่วมเพศ อยากให้ผู้ชายรักตนแบบชายรักหญิง เคยสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองในวัยแตกหนุ่มแต่ไม่บ่อย หลังอายุ 16 ปี ไม่ได้ทำอีกเลย ผู้ป่วยยอมรับว่า มีความต้องการทางเพศมาก และอยากจะเปลี่ยนเพศเป็นเพศหญิง เพื่อแต่งงานกับผู้ชาย บางครั้งเวลาถูกผู้ชายกอดจะหลั่งน้ำกาม

ผู้ป่วยเป็นชายร่างผอมเล็ก หน้าตาไม่ค่อยดี ขี้อาย และมีอารมณ์เศร้าอยู่เสมอ เวลาโกรธ หรือเสียใจมักคุมอารมณ์ไม่ได เข้ากับคนยาก มีปัญหากับเพื่อนเสมอ พยายามฆ่าตัวตายมาแล้ว 3 ครั้ง เนื่องจากถูกเยาะเย้ยที่มีความคิดจะเปลี่ยนเพศ มีความตั้งใจว่าจะเป็นเพศหญิงและแต่งงานกับชายที่ดีสักคน จะไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงเด็ดขาด

การตรวจสภาพจิต ไม่พบว่ามีความผิดปกติอย่างอื่นนอกจากการเคลื่อนไหวช้า อารมณ์ซึมเศร้า และบางครั้งอยากฆ่าตัวตาย ความจำ การรับรู้เกี่ยวกับเวลา สถานที่ และบุคคลดี เชาวน์ปัญญาอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย มีความเข้าใจความเป็นจริงต่างๆ และยอมรับความผิดปกติของตน การตัดสินใจในเรื่องๆ ทั่วไปดี

ตัวอย่างผู้ป่วยรายที่ 2

ผู้ป่วยชาย โสด วัย 27 ปี การศึกษาระดับประถมปีที่ 7 มีความรู้อยากเป็นหญิงตั้งแต่จำความได้ ทั้งที่พ่อแม่ไม่ได้สนับสนุน ซ้ำยังถูกดุด่าด้วยถ้าเห็นผู้ป่วยเอาเสื้อผ้าของผู้หญิงมาสวม ชอบเล่นแบบผู้หญิง และกับเพื่อนผู้หญิงจนถูกเพื่อนผู้ชายล้อ เมื่อเข้าโรงเรียนยังแต่งกายเป็นผู้ชาย อยู่โรงเรียนที่มีทั้งสองเพศ จนจบชั้นประถมปีที่ 7 จึงออกเพราะรู้สึกว่าสมองไม่ดี และระยะนั้นพ่อกับแม่แยกทางกันด้วย ผู้ป่วยเริ่มมีความรู้สึกอยากเป็นผู้หญิงมากขึ้นถึงขนาดแต่งกายเป็นผู้หญิง ใส่วิกผมยาว และรับประทานยาสมุนไพรรวมทั้งฮอร์โมนเพศ เมื่ออายุ 16 ปี เริ่มด้วยรับประทานกวาวเครือ ซึ่งทำให้เต้านมโตขึ้น แต่หัวนมดำจึงเลิกรับประทาน หันมารับประทานฮอร์โมนเพศหญิงแทน และต่อมาใช้วิธีฉีด

4-5 เดือน ก่อนผ่าตัดเปลี่ยนเพศ ผู้ป่วยเดินทางไปต่างประเทศ และประสบปัญหา เรื่องการใช้ห้องน้ำผิดเพศ จึงถูกส่งกลับประเทศ เพื่อนชายของผู้ป่วยที่อยู่ประเทศนั้นสงสาร จึงแนะนำให้ผู้ป่วยเปลี่ยนเพศ

ผู้ป่วยเปลี่ยนเพศแล้วปีเศษ โดยการเสริมเต้านม และผ่าตัดเอาลูกอัณฑะรวมทั้งองคชาตออก พร้อมทั้งมีการสร้างช่องคลอดใหม่ ผู้ป่วยทดลองใช้ช่องคลอดหลังผ่าตัดได้ 3 เดือน ปรากฏว่า ใช้การได้ดีพอสมควร และผู้ป่วยพอใจสภาพเพศใหม่ ไม่เสียดายหรือคิดจะกลับเป็นเพศเก่าอีกเลย

บิดาของผู้ป่วยอายุ 50 ปี เป็นคนจีน อาชีพทำเครื่องหนัง ลำเอียง รักลูกชายคนที่ 2 มากกว่าใครๆ และมักดุหรือทำโทษผู้ป่วยเป็นประจำ มีภรรยาน้อยและแยกทางกับมารดาผู้ป่วยไปอยู่กับภรรยาน้อย ตั้งแต่ผู้ป่วยกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 7

มารดาอายุ 47 ปี เป็นคนจีนที่หากินเก่งและเป็นใหญ่ในบ้าน นิสัยจู้จี้ขี้บ่น พิถีพิถันและเจ้าอารมณ์ ชอบวิจารณ์ลูกๆ แต่ก็รักผู้ป่วย ผู้ป่วยมีพี่น้องทั้งหมด 6 คน เป็นชาย 4 คน หญิง 2 คน ผู้ป่วยเป็นคนโต น้องชายคนที่ 3 เป็นรักร่วมเพศและเคยแอบเอาเสื้อผ้าของผู้หญิงไปแต่งเป็นบางครั้ง แต่ไม่คิดอยากเปลี่ยนเพศ ส่วนน้องสาวคนที่ 5 มีนิสัยคล้ายผู้ชายแต่ยังไม่ประพฤติรักร่วมเพศ ในจำนวนพี่น้องทั้งหมด ผู้ป่วยมีการศึกษาต่ำกว่าทุกคน และไม่สนิทสนมกับบิดามารดาตลอดจนน้องๆ

ผู้ป่วยมีการพัฒนาการทางร่างกายเป็นปกติ แต่ตอนรุ่นหนุ่มไม่มีขนตามตัว ขนหน้าแข้งและขนรักแร้ มีหนวดพอเป็นไรๆ ไม่ต้องโกน ไม่มีกระเดือก และเสียงเล็ก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะผู้ป่วยได้รับฮอร์โมนเพศหญิง เริ่มเรียนหนังสือเมื่ออายุราว 6-7 ปี ผลการเรียนปานกลางไม่เคยสอบตก เรียนจบชั้นประถมปีที่ 7 เมื่ออายุประมาณ 14-15 ปีก็ออก เนื่องจากรู้สึกว่าสติปัญญาไม่ดีและมีปัญหาในครอบครัว คบเพื่อนได้ทั้งชาย และหญิงแต่ไม่เคยสนใจทางเพศกับหญิงเลย เริ่มสนใจเรื่องเพศเมื่ออายุ 15-16 ปี สนใจแต่เพศเดียวกัน อยากอยู่กับผู้ชายอย่างสามีภรรยา โดยผู้ป่วยเป็นภรรยา เคยปฏิบัติรักร่วมเพศโดยผู้ป่วยประพฤติเป็นฝ่ายหญิง ใช้วิธีร่วมเพศทางทวารหนัก แต่ไม่เคยหลั่งน้ำกามนอกจากสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ลักษณะเพศของผู้ป่วยปกติ ลูกอัณฑะขนาดปกติและอยู่ในถุงทั้ง 2 ข้าง องคชาตมีลักษณะและขนาดปกติ แข็งตัวได้และหลั่งน้ำกามได้ ผู้ป่วยสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และไม่มีความวิปริตทางเพศอย่างอื่น

ผู้ป่วยเคยแต่งตัวเป็นหญิงและประกอบอาชีพโสเภณีเมื่อ 10 ปีก่อน แต่ทำได้ไม่นานก็เลิก มาทำอาชีพอาบอบนวด นวดให้แขกผู้ชาย ผู้ชายบางคนก็ทราบว่าผู้ป่วยเป็นชาย แต่ส่วนใหญ่จะคิดว่า ผู้ป่วยเป็นผู้หญิงจริงๆ

ผู้ป่วยมีนิสัยเป็นคนเจ้าอารมณ์ ขี้บ่น และพิถีพิถัน เวลาโกรธชอบขว้างของ สนใจกิจกรรมของผู้หญิง เช่น การประกอบอาหาร ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเนื่องจากมักจะถูกวิจารณ์จากมารดาอยู่เสมอ

ผู้ป่วยผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว แต่ได้รับการยกเว้นเนื่องจากแพทย์มีความเห็นว่าผู้ป่วยผิดปกติทางเพศ

ผลการตรวจสภาพจิตและการทดสอบทางจิตวิทยา ไม่พบอาการของโรคทางจิตเวชอย่างอื่น แต่มีบุคลิกภาพและลักษณะของเพศหญิงรวมทั้งมีความตั้งใจจริงที่จะดำรงชีวิตแบบหญิง สมยอม และขาดความมั่นใจในตนเอง

ศาสตราจารย์แพทย์หญิงสุวัทนา อารีพรรค

 
 

[ ที่มา...http://www.elib-online.com/doctors2/gay_transex01.html ]

URL Link : http://www.elib-online.com/doctors2/gay_transex01.html

 

     
   


[Home] [โรคเด็ก] [เสพสมให้สมอารมณ์หมาย] [คู่มือเลี้ยงลูก] [คลินิกเด็ก] [ผู้สูงวัย] [ครอบครัว] [คุมกำเนิด] [วัยรุ่น] [เบี่ยงเบน] [กฏหมาย] [สุขภาพจิต] [ผู้หญิง ผู้หญิง] [กามโรค]